Hmpro จากเพจ Money Lab (July 2024)
อธิบายธุรกิจ HMPRO กำไรโต แต่มูลค่าหาย 50% | MONEY LAB
เมื่อปี 2565 หลังจากการทยอยเปิดเมืองอย่างเต็มรูปแบบ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เคยมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 228,000 ล้านบาท
ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
แต่มาวันนี้ มูลค่าบริษัทกลับเหลือเพียง 120,000 ล้านบาท หรือหายไปเกือบ 50%
ทั้ง ๆ ที่รายได้และกำไรของบริษัท ก็เติบโตจนทำสถิติสูงสุดได้
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ HMPRO จนทำให้มูลค่าของบริษัทหายไปมากขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก เกี่ยวกับการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม และปรับปรุงบ้าน
โดยมีอยู่ 2 แบรนด์หลัก ที่รองรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน
- HomePro รองรับกลุ่ม ลูกค้าเจ้าของบ้าน
- Mega Home รองรับกลุ่ม ลูกค้าช่างและผู้รับเหมา
สำหรับผลประกอบการของ HMPRO ในช่วงที่ผ่านมา
- ปี 2563 รายได้ 61,765 ล้านบาท กำไร 5,155 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้ 63,926 ล้านบาท กำไร 5,441 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 69,389 ล้านบาท กำไร 6,217 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 72,822 ล้านบาท กำไร 6,442 ล้านบาท
จะเห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมารายได้และกำไรของ HMPRO ยังเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ
และหากมองย้อนกลับไป 10 ปี จะพบว่า ในปี 2566 บริษัทสามารถทำรายได้และกำไร มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือ มูลค่าบริษัทกลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สวนทางกับรายได้และกำไรที่เติบโตขึ้น
โดยในปี 2565 มูลค่าบริษัทเคยขึ้นไปสูงสุดถึง 228,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมูลค่าบริษัทลดลงมาเหลือเพียง 120,000 ล้านบาท เท่านั้น
คิดเป็นการปรับตัวลดลงเกือบ 50% ภายในระยะเวลา
ไม่ถึง 2 ปี
แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้มูลค่าบริษัทลดลงอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง
หากลองเข้าไปดูในรายละเอียดจะพบว่า
1. การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมติดลบ
การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม หรือ Same Store Sale Growth โดยเรียกสั้น ๆ ว่า SSSG เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญ สำหรับธุรกิจค้าปลีกว่า แต่ละสาขา สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่
ถ้า SSSG เป็นบวก หมายความว่า ยอดขายของสาขาเดิมยังเติบโตได้
ถ้า SSSG เป็นลบ หมายความว่า ยอดขายของสาขาเดิมลดลง
ซึ่งเมื่อไปดู SSSG ของ HMPRO จะพบว่า
- ไตรมาส 3/2566 SSSG -3.6%
- ไตรมาส 4/2566 SSSG -8.5%
- ไตรมาส 1/2567 SSSG -2.0%
การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมติดลบ แสดงถึงการลดลงของยอดขายในสาขาเดิมอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุก็น่าจะเกิดจาก กำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้าตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ที่ยังคงชะลอตัวอยู่
2. การขยายสาขาของ HomePro ถึงจุดอิ่มตัว
การเติบโตของธุรกิจประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเติบโตได้จากการขยายสาขา
ในช่วงที่ผ่านมา HomePro ได้เร่งขยายสาขา จนเกือบจะครอบคลุมกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักแล้ว
- จำนวนสาขา HomePro ในประเทศไทย
สิ้นปี 2565 มี 87 สาขา และสิ้นปี 2566 มี 89 สาขา
- HomePro S เป็นรูปแบบร้านขนาดเล็ก
สิ้นปี 2565 มี 5 สาขา และสิ้นปี 2566 มี 5 สาขา
- HomePro ในประเทศมาเลเซีย
สิ้นปี 2565 มี 7 สาขา และสิ้นปี 2566 มี 7 สาขา
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมา HMPRO เปิดสาขาใหม่น้อยมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคต
เพราะยอดขายของ HomePro ทั้งหมดทุกรูปแบบ คิดเป็นสัดส่วนถึง 81% ของยอดขายรวมในปี 2566
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้หันมาเน้นการขยายสาขาของ Mega Home มากขึ้นแทน
โดยจำนวนสาขาของ Mega Home
- ปี 2564 มี 14 สาขา
- ปี 2565 มี 18 สาขา
- ปี 2566 มี 27 สาขา
ซึ่งการเร่งขยายสาขา Mega Home เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การรักษาการเติบโต และกระจายความเสี่ยง โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างจาก HomePro มากขึ้น
พอสาขาเดิมขายของได้น้อยลง แต่จะขยายสาขาใหม่ก็ไม่ได้ง่าย โดยเฉพาะ HomePro ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เพราะมีคู่แข่งเดิมเต็มไปหมด เราก็พอจะเห็นภาพแล้วว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดมีมุมมองกับ HMPRO อย่างไรบ้าง
และหากดูราคาหุ้นของ HMPRO ในปัจจุบัน พบว่ามีการซื้อขายอยู่ที่ราคา 9.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วน P/E Ratio อยู่ที่ 18.59 เท่า
ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า P/E Ratio ระดับนี้ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเคยซื้อขายกันอยู่สูงถึง 31 เท่า
และเมื่อลองเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่ง ก็จะพบว่า
HMPRO ณ สิ้นปี 2566
มีสาขา HomePro และ HomePro S รวม 101 สาขา
และ Maga Home มีสาขาทั้งหมด 27 สาขา
ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 18.59 เท่า
บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ หรือ GLOBAL
สิ้นปี 2566 มีสาขาทั้งหมด 84 สาขา
ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 31.03 เท่า
บมจ.ดูโฮม หรือ DOHOME
สิ้นปี 2566 มีสาขาทั้งหมด 35 สาขา
ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 58.23 เท่า
จากข้อมูลเปรียบเทียบกันจะเห็นได้ชัดเจนว่า HMPRO
มี P/E ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งหากมองว่า HMPRO เติบโตจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ราคาหุ้นที่ระดับราคานี้ ก็อาจจะดูสมเหตุสมผล สะท้อนถึงการเติบโตที่ชะลอตัวลงในอนาคต
No comments:
Post a Comment