Wednesday, March 26, 2014

Mc Valuation (as of Mar 2014)

Mc Valuation (as of Mar 2014)

Mc 2013 Information from SET
as of Mar 26 '14, Mc = 15.9 baht per share



Information from Company visit (as of Mar 24 '14)

- Time Deco ==> Slaes around 10-12% of Mc Group
- Growth 15-20% for Mc เพียว ๆ สบายมาก
- NPM of Mc around 25%
- NPM of Time Deco around 12-15%
- NPM of Mc Group around 23%

Forecast 2014 
Model A
     Revenue = 3,017*1.2 = 3,620 MB (Growth 20%)
     Net profit = 3,620*0.23 = 832 MB
     EPS = 832 / 800 = 1.04 baht per share

Model B
     Revenue for Mc Yean = 3,000*1.2 = 3,600 MB (Growth 20%)
     Revenue for Time Deco = 400 MB (Sales 10% of Mc Group)
     Net profit for Mc Yean = 3,600*0.24 = 864 MB
     Net profit for Time Deco = 400*0.10 = 40 MB  
     Total Net Profit = 900 MB
     EPS = 900 / 800 = 1.12 baht per share

Valuation Matrix













Monday, March 17, 2014

“SAWAD” IPO Road Show (Mar 17 ’14)

“SAWAD” IPO Road Show (Mar 17 ’14)

การทำ IPO

·         - เสนอขาย IPO 250 ล้านหุ้น รวมหุ้นหลัง IPO = 1,000 ล้านหุ้น (Par 1 baht)
·         - IPO Purpose: ขยายสาขา,ขยายการปล่อยสินเชื่อ, เงินทุนหมุนเวียน, ชำระหนี้คืนบางส่วน

·          
General Info

·         - สินเชื่อหลักคือสินเชื่อทะเบียนรถ 83%, รองลงมาสินเชื่อบ้านและที่ดิน 12%
·         - ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น พ่อค้า แม่ค้า
·         - มอไซด์ 1 คันปล่อยประมาณ 8,000-10,000 Baht
·         - รถกะบะ ปล่อยกู้ ประมาณ 100,000 baht
·         - การที่ราคารถมือสองราคาตก ไม่มีผลกระทบอะไรกับ SAWAD
·         - จุดแข็งของ SAWAD ปล่อยกู้เร็วมาก (ใน 30นาที ถ้าเกินร้องเรียนได้)
·         - เป้าการปล่อยกู้ 1-1.2MB/สาขา
·         - วาง position ตัวเองอยู่ระหว่าง Bank (ยุ่งยาก ต้องการเอกสารเยอะ) กับ คนปล่อยกู้ท้องถิ่นนอกระบบ (ดอกโหด เก็บตังโหด)
·         - รถที่ยึดมาจะขายเอง เน้นขายเร็ว ภายใน 3 เดือนแรกที่ยึดมา (นานสุด 1 ปี)
·         - ปี’57 จะเพิ่ม 100 สาขา minimum (ปี ’56 เพิ่ม 200 สาขา) เป้าหมายจำนวนสาขาเมื่อสิ้นปี ’57 = 700 สาขา
·         - มีสาขาอยู่ครบทุกจังหวัดแล้ว ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต่อไปจะเน้นระดับตำบล
·         - ต้นทุนเปืดสาขา อยู่ที่ 2-300,000 baht ต่อสาขา, Asset ที่แพงที่สุดในแต่ละสาขาคือ ป้ายโฆษณาหน้าตึก (มีวิจัยบอก 70% of customer มาจากป้ายโฆษณาหน้าตึก)
·         - 1 สาขา ใช้คน 3 คน
·         - ผบห. บอกปกติ Growth ประมาณ 20%-30% (บอกอย่างไม่เป็นทางการ เพราะ กลต ห้ามบอก)
·         - วางเป้าขนาด port สินเชื่อ 8,000 MB ในปี 2558
·         - รายได้อื่น ๆ (ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะจากรายได้ทั้งหมด) ที่เห็นใน P&L statement จะเป็นค่าบริการ, ค่าทำสัญญา, ค่าปรับล่าช้า,ค่าติดตามหนี้ เป็นต้น ซึ่งรายได้นี้จะเยอะตามขนาด port สินเชื่อที่ใหญ่ขึ้น
·         - Cost to income ปี ’56 อยู่ที่ 49.7% ผบห. บอกน่าจะอยู่ใน range นี้ไปเรื่อย ๆ (ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ คือเรื่องพนักงาน)
·         - Before IPO  D/E = 4.6, After IPO  D/E = 1.x !!!
·         - หลังเข้าตลาด มีแผนจะออกหุ้นกู้ (เพราะฉะนั้น Financial cost จะลดลงเพราะจะเอาเงิน IPO ไปจ่ายเจ้าหนี้ด้วย)
·         - เกณฑ์การวัดเป็น NPL เมื่อลูกค้าหยุดชำระเกิน 3 งวด
·         - NPL ’56 = 168MB (3.7% เทียบกับยอดจัดคงเหลือ) ขณะที่สำรองหนี้สูญ 235 MB (คิดเป็น 4.1%)


คู่แข่ง

·         - อันดับ 1 ศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ, อันดับ 2 เมืองไทยลิสซิ่ง (เน้นมอไซด์), อันดับ 3 SAWAD (ขนาด port น้อยกว่าอันดับหนึ่ง 20%, แต่จำนวนสาขา SAWAD เยอะกว่า)
·         - จุดแข่งของศรีสวัสดิ์เงินติดล้อ คือเงินทุนหนากว่า

        Valuation
        
        - EPS '57 = 0.55 - 0.75 ให้ PE 10-12 เท่า (มั่ว ให้เยอะหน่อย เพราะดู Growth 20-30% เป็นไปได้ และเป็น IPO ด้วย)
          - Fair Value = 5.5-9 baht, มองกลาง ๆ EPS = 0.65, PE 11 เท่า ==> 7.2 baht (ถ้าเปิด 6 baht มี upside 20%)












Wednesday, March 5, 2014

KTC summary from Oppday Mar 4 '14

KTC summary from Oppday (Mar 4 '14)

Goal
  - 2012 ปัดกวาดบ้าน ลด Cost (achieved!!!)
  - 2013 new high company profit 1,238 MB เป็นNormalize 1,038 MB (achieved!!!)

  - 2014 รายได้โต 15% ทั้ง Credit card & PL / กำไรอย่างน้อย ไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว หรือ EPS 5 baht per share / ปีแห่งการอัด marketing
       แนวทางการบริหาร
              - กำไรไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว (Normalize 1200-1400 MB)
              - เงินเหลือ จะลง Marketing ให้มากที่สุด
              - เงินเหลืออีก จะนำไป acquire จำนวนบัตรเพิ่มเติม (การออกบัตร แต่ละใบ ใช้ตังค์เยอะ)

  - 2018 No.1 in Credit card business (Spending number) ปัจจุบัน กำไรอยู่ใน Top3 แล้ว
   

Company Financial
  - สำรองที่ตั้งไว้ปี 2013 อยู่ที่ 4 เท่าของ NPL, เพียงพอสำหรับ write-off ทั้งปี 2014 (อยู่ได้ทั้งปี2014 โดยไม่ต้องสำรองเพิ่มเลย โดยที่คู่แข่งน่าจะอยู่ได้ 3 เดือนเท่านั้น), สำรองเยอะที่สุดในอุตสาหกรรม, Conservative มาก ๆ ๆ, แข็งแกร่งพอที่จะรองรับวิกฤตได้ และแข็งแกร่งที่สุดใน industry (ในแง่ Asset Quality)
  - Normalize ของสำรองอยู่ประมาณ 3500-4000 MB
  - 2013 NPL 7% (3,500 MB from Port 50,000 MB) มองเป็นขาลง มี research มากมาย มองที่ 5%
  - มาตรฐานบัญชีใหม่ มีผลเกี่ยวกับการ earn & burn Point แต่จะไม่มีนัยยะกับ KTC
  - Cost ที่ลดลง คิดว่า 80% ของที่ตั้งใจไว้ล่ะ รอระบบเสถียรมากกว่านี้

Industry






















        - เดือน Jan and Feb 2014 เป็นเดือนที่ Spending ไม่เพิ่มแต่ไม่ได้ลด (ผลจากม็อบการเมือง) และ NPL ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วย
        - หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงมากขึ้น ไม่กระทบกับ NPL ของ KTC แต่กระทบกับการคัดกรองคนกู้ยากขึ้น คือมีคนไม่ผ่านเกณฑ์มากขึ้น


Others
      - KTC มีระบบและทีมเก็บหนี้ เก่งที่สุดในอุตสาหกรรม โดนแย่งคนไปเยอะมาก
      - ลูกค้า 30-35% มาจากการแนะนำของ KTB
      - KTC ช่วย KTB เก็บหนี้บ้าง ไม่ได้กำไรอะไร
     
      - ขนาด Port ที่จะเป็นที่ 1 ในอุตสาหกรรม ได้ มองที่ 100,000 MB
      - ไม่เพิ่มทุนแน่ ๆ เพราะมี room D/E อีกประมาณ 2.5 เท่า และมีกำไรจากแต่ละปี หลังหักปันผล เข้ามาช่วยเสริมอีก (ดูแล ผถห. ที่อยู่ด้วยกันมานาน)

     - KTC เก็บ interchange ต่ำสุดในอุตสาหกรรม เวลาไปรูดที่ ตปท.
     - Sector ล่างแข็งแกร่งแล้ว พยายามจะบุก sector บน มากขึ้น