Wednesday, April 13, 2016

MCS as of Apr 2016

MCS ลั่นกำไรปีนี้ทำได้ 750 ลบ. เพิ่มจากปี 58 ทำได้ 618 ลบ. เตรียมบุกตลาดสหรัฐฯ ปีนี้-เล็งซื้อโรงงานในญี่ปุ่น

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -5 เม.ย. 59 17:10 น.


วันนี้ บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS แถลงแผนความคืบหน้าและแผนการขยายการลงทุนทางธุรกิจ โดยมี นายไนยวน ชิ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ให้ข้อมูล บริษัทฯ คาดกำไรปีนี้ทำได้ 750 ล้านบาท ส่วนรายได้ทำได้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.65 พันล้านบาท มองปริมาณส่งออกโครงสร้างเหล็กปีนี้ 4.9-5 หมื่นตันต่อปี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
   - บริษัทฯ คาดกำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 750 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 618.22 ล้านบาท โดยเป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินเยนที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น 10% ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
   - สำหรับรายได้ปีนี้บริษัทฯ คาดทำได้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.65 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตตามปริมาณการส่งออกโครงสร้างเหล็กปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9-5 หมื่นตันต่อปี จากปีก่อนอยู่ที่ 4.8 หมื่นตันต่อปี
   - บริษัทฯคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 35%
   - บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) 2 แสนตัน ซึ่งรองรับ 4 ปี (59-62) โดยจะรับรู้ในปีนี้ราว 50,000 ตัน พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าในการยื่นเสนอราคาขายโครงสร้างเหล็กให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อของลูกค้าล่วงหน้าไปแล้วประมาณ 1 แสนตัน และปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตในประเทศ 70,000 ตันต่อปี
   - โดยปริมาณขายโครงสร้างเหล็กในไตรมาส 1/59 ทำได้ 1.1 หมื่นตัน ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.2 หมื่นตัน เนื่องจากลูกค้าบางรายเลื่อนการติดตั้งไปในไตรมาส 2 แต่มั่นใจทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
   - นอกจากนี้บริษัทฯ ยังศึกษาในการขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตที่ดี ประกอบกับราคาขายโครงสร้างเหล็กสูงเมื่อเทียบกับการส่งออกในประเทศอื่น ๆ โดยปัจจุบันมีลูกค้าในสหรัฐฯ เข้ามาเจรจาเพื่อแสดงความสนใจในการสั่งซื้อโครงสร้างเหล็ก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
   - บริษัทฯมีแผนเข้าไปซื้อสินทรัพย์ อาคารโรงงาน ที่ดินของพันธมิตร คือ Nasu Steel มูลค่า 300 ล้านบาท โดยแหล่งงเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯมีอยู่ราว 600 ล้านบาท คาดจะชัดเจนในไตรมาส 2/59 อย่างไรก็ตามการเข้าไปซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อลดภาระต้นทุนค่าเช่าที่ต้องจ่ายให้กับพันธมิตรเดือนละ 6 ล้านบาท
   "เรากำลังเจรจากับ Nasu Steel เพื่อเข้าไปซื้ออาคารโรงงาน และที่ดิน มูลค่าราว 300 ล้านบาท เพื่อเป็นการลดภาระค่าเช่าที่ต้องจ่าย 6 ล้านบาท เนื่องจากเราถือหุ้น 66% จึงต้องจ่ายมากกว่า หากเข้าไปซื้อก็จะช่วยลดภาระตรงนี้ อย่างไรก็ตามโรงงานดังกล่าวเป็นการร่วมทุน โดยใช้ชื่อว่า M.C.S. Nasu โดยมีกำลังการผลิต 1.8 หมื่นตันต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 66% และ Nasu ถือหุ้น 33%"นายไนยวน ชิ กล่าว
  - พร้อมกันนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ได้หยุดโครงการซื้อหุ้นคืน หลังราคาซื้อขายหุ้น MCS ในตลาดปรับตัวอยู่ที่ 11 บาทต่อหุ้น ถือว่าสูงกว่าราคารับซื้อที่ตั้งไว้ 10 บาทต่อหุ้น จึงต้องหยุดก่อนครบกำหนดวันที่ 11 เม.ย. 59 โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 275 ล้านบาท
   " บริษัทฯ ได้มีการขอมติจากคณะกรรมการบริษัทฯในการซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นวงเงิน 500 ล้านบาท โดยมีกำหนดให้ซื้อหุ้นคืนวันที่ 12 ต.ค. 58-11 เม.ย. 59 และได้ทำการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 275 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 10.67 บาท แต่ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาหุ้น MCS ได้ปรับตัวที่ 11 บาท จึงต้องหยุดการซื้อหุ้นคืนก่อนกำหนด"นายไนยวน ชิ กล่าว
  - ราคา MCS ณ ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 11.00 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 5.17% มูลค่าการซื้อขาย 141.72 ล้านบาท



รายงาน โดย วรินดา พรมขัดดุก
เรียบเรียง โดย ชัชชญา อังคุลี
อีเมล์. chatchaya@efinancethai.com
อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

http://www.efinancethai.com/LastestNews ... curity=MCS
 
 



 
Personal Comment
 
- Revenue ดีกว่าปีก่อน 10% จากการ Hedge ค่าเงินไว้ ใช้ 3900 MB
- Use NPM 17% = Net Profit = 660 MB (ตามข่าวข้างบน 750 MB)
- EPS = 660 / (500-27) = 1.4 baht per share (if 750, eps=1.58)
- PE10 = 14 baht (30% upside from 10.9 baht)
 
- Backlog เยอะ เต็ม 3 ปี
 
- 52 week high = 12 baht
- All time high = 13 baht

Friday, April 1, 2016

Set status as of Apr 1, 2016

Set status as of Apr 1, 2016


 
SET Index = 1400
 PE = 20.54  (Thai Government 10 year Bond = 2.15% as per Feb 2016)
 Yield Gap = 2.72% (ต่ำกว่า 1.8% ควรระวัง!!!) (มากกว่า 2.5% น่าสนใจนะ!!!)

 



Billy B. = Still Bear แต่กะลังจะพลิกตัว รอเส้นเฉลี่ยสั้นตัดขึ้นไป

 O'Neil   = เพิ่งจะ Uptrend again หลังจากโดน DD ไปหลายวัน

  % SET compare to EMA50 = 4.4% (ถ้า 5% ถือว่าค่อนข้าง peak ทีเดียว!!!)