Saturday, March 23, 2013

หุ้นดิ่งลึก ปิดตลาดร่วง50จุด ซื้อขายทำสถิติใหม่ทะลุ 1 แสนล้าน (22 Mar 2013)

หุ้นดิ่งลึก ปิดตลาดร่วง50จุด ซื้อขายกระฉูด ทำสถิติใหม่ทะลุ 1 แสนล้านคาดสัปดาห์หน้าอ่อนตัวต่อ
22 Mar 2013


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนี SET ปรับลดลงแรงตลอดการซื้อขายทั้งวัน ดดยในช่วงเช้าลดลงไปถึง60จุด หลังมีการปล่อยข่าวที่ไม่เป็นมงคลในตลาดหุ้นไทย รวมถึงมีการคาดการณ์กันว่า นางสาวยิ่งลักษณ์อาจจะประสบอุบัติเหตุทางการเมือง กรณีปล่อยเงินกู้30ล้านบาทให้บริษัทสามี หลังมีกระแสข่าวว่าเตรียมนายกฯสำรองไว้แล้วคือนางเยาวภา วงศ์ สวัสดิ์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยลดลงกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในภูมิภาค ก่อนจะปิดตลาดในช่วงเย็นที่ระดับ1,478.97จุด ลบ50.55จุด หรือลดลง3.30% และทำสถิติใหม่ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 101.361ล้านบาท โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ดัชนีSETลงไปต่ำสุดที่ระดับ1,464.72จุด และสูงสุดที่ระดับ1,526.27จุด





นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ดัชนีที่ปรับตัวลงแรงวันนี้ เป็นเรื่องปกติ หากเทียบเป็นระดับเปอร์เซ็น เพราะที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปสูงมากมาตั้งแต่ปีทีjแล้วมากกว่า 40 % และไม่มีการเทขายของนักลงทุนต่างประเทศ เป็นนักลงทุนรายย่อยเท่านั้นที่ซื้อขายหุ้น

“หุ้นปรับตัวลดลง 4-5 %นั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาหุ้นขึ้นไปกว่า 40 % จึงมีโอกาสปรับตัวลงได้ ทั้งที่ไม่มีปัจจัยใกระทบ และนักลงทุนต่างชาติก็ไม่ได้ขายหุ้นมาก ทำให้เห็นว่าการที่หุ้นลงในครั้งนี้เป็นคนไทยที่เล่นกันเองทั้งนั้น ในอดีตก็เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว อย่างในวันที่ 4 กันยายน 2554 ดัชนีหุ้นก็เคยร่วงเป็น 100 จุด”
           

ในส่วนมาตรการของตลาดหลักทรัพย์ในการรับมือในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลงใน ช่วงนี้นั้นยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา ทั้งนี้หากดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงเกิน 5 % ตลท.จะต้องแจ้งให้กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และกระทรวงการคลัง ถึงสถานการณ์ที่หุ้นปรับตัวลดลง และหากหุ้นตกลงถึง 10 % ถึงจะมีการหยุดการซื้อขายชั่วคราว ส่วนเรื่องบังคับขายหุ้น(ฟอร์ซเซล) นั้นจากการพูดคุยกับบริษัทหลักทรัพย์ ยังไม่พบความผิดปกติในเรื่องดังกล่าวและยังไม่ห่วงในปัญหานี้ แต่ทั้งนี้ก็ทางตลท.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ในช่วงเช้าวันที่ 22 มีนาคม ว่าตลาดหุ้นซึ่งปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเงินทุนจากต่าง ประเทศแต่อย่างใด เนื่องจากดูจากการซื้อขายแล้วนักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ หมายความว่าผู้ที่ขายสุทธิน่าจะเป็นนักลงทุนไทยและจากตัวเลขเงินทุนเคลื่อน ย้ายเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ก็พบว่าเงินทุนจากต่างประเทศไม่ได้เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เท่าใดนัก ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตลาดพันธบัตร
  

อย่างไรก็ตามที่มีข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้หารือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถึงการวางหลักประกันบัญชีเงินสดในการซื้อขายหุ้นเพิ่ม(มาร์จิ้น) จาก 15% เป็น 20%นั้น ไม่น่าจะมีนัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลง

นายประสาร ได้กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทว่า ใน 2 เดือนที่ผ่านมาก็เห็นว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างยืดหยุ่นก็ยังคงทำงานอยู่ เห็นได้จากเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าไประดับหนึ่งก็ได้อ่อนค่าลง ซึ่งการที่ทางธปท. จะออกมาตรการอะไรหรือไม่นั้นก็ไม่อยากพูดถึงให้มากนัก
  

ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดในวันนี้ปรับตัวลงแรงมาก เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวนในหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องของพรบ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่มีผู้ต่อต้านมากขึ้น และการเพิ่มการวางหลักประกันหลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหุ้นเงินสดเป็น 20 % ทำบางกลุ่มต้องขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงของตัวเองลง ในส่วนของการบังคับขายหลักทรัพย์นั้นมีก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้นค่อนข้างชัดเจน แต่ไม่สามารถระบุเป็นตัวเลลขได้ ทำให้นักลงทุนพากันขายหุ้นในช่วงนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กฏเกณฑ์ในการบังคับขายหุ้นนั้น จะมีการบังคับในบัญชีเครดิตบาลานซ์ หากหลักทรัพย์ที่วางค้ำประกันบัญชีมีมูลค่าลดลงเกิน 50 % โบรกเกอร์จะบังคับขายหุ้นที่มีอยู่เพื่อให้ได้วงเงินค้าประกัน ที่ได้ตกลงไว้ ทั้งนี้ หากมูลค่าหลักทรัพย์ลดลงเกิน 5 % เจ้าหน้าที่การตลาดหรือมาเก็ตติ้งจะติดต่อผู้เปิดบัญชีเพื่อแจ้งเตือน หากมูลค่าหลักทรัพย์ลดลง 30 % เจ้าของบัญชีจะต้องนำหลักทรัพย์มาค้ำประกันบัญชีเพิ่ม และหากเกิน 50 % บริษัทหลักทรัพย์จะบังคับขายหุ้นเพื่อเพิ่มหลักประกันของบัญชี


ข้อมูลล่าสุด 22 มี.ค. 2556 17:00:04
 
 
 

No comments:

Post a Comment