Corn stock (APURE and SUN)
- ปี 2021 วิ่งเกือบ 10 เด้ง
- แต่ช่วงแรก Volume น้อย (หลักแสนบาท)
From ลงทุนแมน
ไทยส่งออก ข้าวโพดหวาน อันดับ 1 ของโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า นอกจากข้าว และทุเรียนแล้ว สินค้าเกษตรอีกชนิดหนึ่ง ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกมากที่สุดในโลก คือ “ข้าวโพดหวาน”
โดยในปีนี้ ประเทศไทย ส่งออกข้าวโพดหวานคิดเป็นมูลค่ากว่า 6,800 ล้านบาท และยังมีบริษัทในตลาดหุ้นไทย ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าวโพดหวานโดยเฉพาะอีกด้วย
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าลองมาดูตลาดการส่งออกข้าวโพดทั่วโลก
เราจะเห็นว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ที่ผลิตและส่งออกมากที่สุดในโลก
แต่ข้าวโพดที่สหรัฐอเมริกาผลิตและส่งออกนั้น ส่วนใหญ่คือข้าวโพดที่ถูกใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์ หรือเพื่อนำไปผลิตเอทานอล
แต่หากพูดถึงข้าวโพดที่เรานิยมบริโภคกัน เราจะเรียกมันว่า ข้าวโพดหวาน
ประเทศไทย คือผู้ส่งออกข้าวโพดหวาน โดยเฉพาะสายพันธ์ุ ซีเมย์แซกคาราตา มากที่สุดในโลก และเป็นแชมป์ส่งออกมานานเป็นสิบปี
โดยข้าวโพดหวานประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะส่งออกในรูปแบบของข้าวโพดบรรจุกระป๋อง หรือบรรจุในถุงสุญญากาศ
ซึ่งประเทศไทยมีจุดเด่นในเรื่องการผลิต และแปรรูปข้าวโพดหวาน
เนื่องจากมีข้อได้เปรียบในเรื่องของสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก จึงได้ข้าวโพดหวานที่มีคุณภาพ และมีรสชาติที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ
โดยเฉพาะเรื่องของช่วงเวลาในการเพาะปลูก ที่ปลูกได้หลายครั้งในหนึ่งปี ในขณะที่ประเทศคู่แข่งสามารถปลูกได้เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น
ซึ่งผลผลิตกว่าร้อยละ 60 ของประเทศไทย มาจากพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยจังหวัดที่มีผลผลิตมากที่สุดคือ เชียงใหม่ เชียงราย และลำปาง
โดยในปี 2564 ทั่วโลกมีปริมาณการส่งออกข้าวโพดหวาน เท่ากับ 881,900 ตัน และ 3 ประเทศที่ส่งออกมากที่สุดคือ
อันดับ 1 ไทย 207,800 ตัน
อันดับ 2 ฮังการี 186,900 ตัน
อันดับ 3 ฝรั่งเศส 106,500 ตัน
จะเห็นว่า ไทยคือผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก โดยประเทศที่ไทยส่งออกไปมากที่สุด คือ
1. ญี่ปุ่น 22%
2. เกาหลีใต้ 15%
3. ไต้หวัน 9%
แล้วในไทย ใครคือผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ ?
สำหรับกิจการในตลาดหลักทรัพย์ ก็มีบริษัทไทยที่ทำข้าวโพดหวานส่งออกไปทั่วโลก คือ
- บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE
- บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN
โดยทั้ง 2 บริษัท ทำข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง และข้าวโพดหวานบรรจุถุงสุญญากาศ คิดเป็น 70% ของรายได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ทั้งคู่ก็ยังมีรายได้มาจากต่างประเทศ ราว 80% โดยมีตลาดหลักคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน
หากเรามาดูผลประกอบการ 9 เดือนแรก ปี 2565
- APURE
รายได้ 1,723 ล้านบาท
กำไร 224 ล้านบาท
- SUN
รายได้ 2,421 ล้านบาท
กำไร 89 ล้านบาท
แม้ทั้ง 2 บริษัทนี้ จะทำธุรกิจคล้ายกัน แต่จุดที่น่าสังเกต คือ อัตรากำไรของทั้ง 2 บริษัท ค่อนข้างแตกต่างกัน
สาเหตุสำคัญก็เนื่องมาจาก การบริหารจัดการต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนหลักของอุตสาหกรรม อย่างเช่น ข้าวโพดหวาน และบรรจุภัณฑ์อย่างกระป๋องอะลูมิเนียม
APURE มีต้นทุนขาย คิดเป็น 74% ของรายได้
ในขณะที่ SUN มีต้นทุนขายสูงกว่า ที่ 83% ของรายได้
แม้ไทยจะเป็นเบอร์ 1 ของการส่งออกข้าวโพดหวาน แถมมีธุรกิจอยู่ในตลาดหุ้นไทยด้วย แต่ข้าวโพดหวานของไทย มีราคาต่อหน่วยที่ค่อนข้างถูก
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ ฮังการีและฝรั่งเศส ที่แม้จะมีปริมาณการส่งออกเป็นอันดับ 2 และ 3 ของโลก
- มูลค่าการส่งออกข้าวโพดหวานของฮังการี 8,230 ล้านบาท
คิดเป็น 44,000 บาทต่อตัน
- มูลค่าการส่งออกข้าวโพดหวานของฝรั่งเศส 5,530 ล้านบาท
คิดเป็น 52,000 บาทต่อตัน
หากนำมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย ที่มีปริมาณการส่งออกมากที่สุด แต่มีมูลค่าการส่งออกเพียง 6,917 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33,000 บาทต่อตันเท่านั้น
ซึ่งตัวเลขนี้อาจบอกเราได้ 2 เรื่อง
เรื่องแรกคือ ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานของไทย เป็นสินค้าที่ขายได้ เพราะมีราคาถูกกว่าคู่แข่ง
ส่วนอีกเรื่องก็คือ ตลาดข้าวโพดหวานของไทย ยังมีช่องว่างให้พัฒนาสินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก ได้อีกมากเลยทีเดียว..
No comments:
Post a Comment