SICT (IPO July 30 '2020)
เปิดบวก 200%
SICT Info from Stock Vitamin
1) from Silicon Valley สู่ SICT
คุณมานพ ธรรมสิริอนันต์ เคยทำงานอยู่ที่ Silicon Valley มาก่อน เป็น Chief Designer ทำด้าน Deep Tech พอกลับมาเมืองไทย ก็รวมตัวกับ Founders อีก 4 ท่าน เป็นอาจารย์สอนด้านไมโครชิพ ก่อตั้ง SICT หรือ Silicon Craft Technology ขึ้นมาเมื่อปี 2545 ดูจากชื่อก็จะเห็นว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Silicon Valley แน่ๆ
2) เป็นกรรมการผู้จัดการ XAV Audio
หมวกอีกใบของคุณมานพ คือ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท XAV Audio ผลิตและขายลำโพง ซึ่งแกเข้ามาคลุกคลีกับที่นี่ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ดูจากบุคลิกท่าทางของคุณมานพ สุขุมนุ่มลึก ก็น่าจะเป็นคนที่มีดนตรีในหัวใจ จริงๆ ข้อนี้ไม่ต้องรู้ก็ได้ครับ บอกไว้เป็นข้อมูลให้ฟัง
3) ไม่มีโรงงานผลิตของตัวเอง Key Success คือ คน
SICT เป็นธุรกิจต้นน้ำ ออกแบบและพัฒนาชิพ แล้วไปจ้างโรงงานผลิต เสร็จแล้วเอากลับมาขาย ทำให้มาร์จิ้นดี GPM มากกว่า 40% แต่ต้องมีพนักงานที่เก่งมากในการออกแบบ รุ่นแรกๆ คือ วิศวกร เหรียญทอง เลยทีเดียว และสิ่งที่ตามมาคือ ต้องให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในการดึงตัวพนักงานไว้ มีให้หุ้น IPO ด้วย
4)สินค้า 3 ประเภท สัดส่วนพอๆ กัน
รายได้ปีละมากกว่า 300 ล้านบาท แบ่งเป็น สินค้าไมโครชิพ 3 ประเภทคือ
.
🔹 Car Immobilizer กุญแจสำรองรถยนต์
🔹 Animal ID ที่ติด Tag ตรงหูสัตว์ เช่น วัว แกะ 🐂🐑
🔹 Access Control เข้าออกอาคาร ตึกต่างๆ 🏢
.
ถ้าดูงบย้อนหลังตัวที่เหวี่ยง คือ Immobilizers ขณะที่ 2 อย่างหลังค่อนข้างนิ่ง
5) Immobilizers ไม่ได้ขายให้รถใหม่
หลายคนเข้าใจผิด ไปดูยอดขายรถยนต์ใหม่ว่าโตมั้ย แต่ SICT ไม่ได้ขายกลุ่มนั้น เค้าขายให้รถมือสอง รถเก่า โดยลูกค้าหลักอยู่ในยุโรป ตลาดยุโรปผลิตรถยนต์ 17-22 ล้านคันต่อปี ลูกค้าของ SICT คือรถที่ใช้ไปแล้ว 3-5 ปี มีความต้องการใช้กุญแจสำรอง เช่น รถมือสองที่ขายต่อออกมา เจ้าของใหม่ก็เลยทำกุญแจดอกใหม่เป็นต้น คำถามคือ ตลาดนี้โตแค่ไหน?
6) งบ Q1 ดี แต่ Q2 ต้องติดตาม
.
Q1 รายได้เพิ่มจาก 72 เป็น 95 ล้านบาท และกำไรสุทธิจาก 2.4 เป็น 15.6 ล้านบาท
.
แต่ว่ามีบางส่วนเป็นการเลื่อนออเดอร์มาจาก Q2 เพราะกังวลเรื่อง COVID เดี๋ยวส่งของไม่ได้ และถ้าดูแยกประเภทสินค้า จะพบว่า Immobilizers โตอย่างเดียว อีก 2 อย่างเท่าเดิม พอ Immobilizers โต มาร์จิ้นเลยดีขึ้น เพราะส่วนนี้ต้นทุนถูกสุด
.
คำถามที่อยากรู้คือ Q2 ยอดขายจะลดลงมั้ย ออเดอร์ถูกดึงขึ้นมามากแค่ไหน และกำไรก็อาจจะลดลงได้ถ้า Q2 Immobilizers ขายน้อยลง
..
ใน Filing มีเขียนว่าได้ออเดอร์ 130 ล้านบาท น่าจะส่งมอบภายในสิ้นปีนี้ ถือว่าน่าสนใจถ้าทำได้จริง จะเป็นตัวช่วยให้โตได้เยอะมาก
7) จะเป็นเบอร์ 1 Animal ID
.
ตลาดปศุสัตว์ค่อนข้างใหญ่ ในประเทศที่มีการบังคับใช้อิเล็กทรอนิกส์แท็ก มีวัวที่ถูกแปรรูป 31.7 ล้านตัว และแกะที่ถูกแปรรูป 96.2 ล้านตัว SICT มีส่วนแบ่ง 20%
.
ในอนาคตปี 2565 รัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย จะบังคับให้แกะและแพะที่ต้องเคลื่อนย้ายออกจากรัฐนี้ต้องติด Tag ก็อาจจะเป็นโอกาสขยายเพิ่ม
..
แต่สิ่งที่สงสัยคือ ผู้บริหารบอกว่า เราจะเป็นเบอร์ 1 ในอนาคตได้แน่ๆ เพราะยังพัฒนาชิพต่อเนื่อง แต่เจ้าตลาดไม่พัฒนาแล้ว คำถามคือ ทำไม? ลงทุนสูงหรือเปล่า หรือมีข้อจำกัดอะไรมั้ย เพราะฟังแล้วแปลกใจ
8) NFC คือ อนาคตที่น่าสนใจ
.
เทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่ตัวนี้น่าสนใจ เช่น เอาไปสแกนตรวจสินค้าของปลอมได้ ตรวจคุณภาพน้ำได้ หรืออนาคตอาจเอามาใช้ทางการแพทย์ ก็ถือว่าน่าจับตา ถ้า SICT ขยายธุรกิจตัวนี้ได้เพิ่มขึ้น
9) IPO 100 ล้านหุ้น แต่แบ่งให้ผู้บริหาร พนักงาน 20%
.
เข้าใจได้ว่า พนักงานคือ Key Man เป็นมันสมองให้บริษัทเลยต้องรักษาไว้ และก็เลยแบ่งหุ้นให้บางส่วน จริงคือ ทั้งผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ก็ได้กันหมด แต่ไม่แน่ใจว่าปกติสัดส่วน 20% หรือ 20.35 ล้านหุ้น จาก 100 ล้านหุ้น ถือว่าเยอะหรือน้อย
10) มี 44.6 ล้านหุ้น ไม่ติด Silent Period
.
จำนวนหุ้นทั้งหมด 400 ล้านหุ้น (IPO 100 ล้านหุ้น) มี 44.6 ล้านหุ้น ประมาณ 11.16% ไม่ติด silent period สามารถโยนขายได้เลยในตลาด แต่ไม่ขายก็ได้นะ แล้วแต่ความสมัครใจ
SICT ราคา IPO = 1.38 บาท P/E 14.6 เท่า ใครสนใจลองพิจารณาดูครับสำหรับหุ้นเทคต้นน้ำบริษัทนี้
.
วิตามินหุ้นเพียงให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ไม่มีส่วนได้เสียและไม่ได้ค่าโฆษณาใดใดทั้งสิ้น
No comments:
Post a Comment