https://www.facebook.com/chal.chalermdej?__tn__=lC-R&eid=ARDq-wUuy1HxSNCK8KvcErRWcijoJu3cFRCXS5RYqpYEqYxGek071sLQvXf5D8K0H-KjXxrq492Reh9o&hc_ref=ART3EjR-vQZQ5Bnj_vXBiF-yAerNc79qwqqxfmhzr20EKsQZifYfw0PLmGEgh7GlmB8&__xts__[0]=68.ARC1bB2yOpcx7TEtnpqTWYju9hAwykDE1B2ms7xbFO-iwuGbZCZ5jFL649V2Rq_vn5Pnpo1nQc8syV1Rcrc66HwG54Nx-W1gnU4f1Qv-gI6sY4uPqn1DHNwW5OrhzSd4cpkL_6Y8fm6mDZNtAKUanZa3ZtSrwd1PB-AZNrF6RIuML3VRI-GhlbbkE7rKQC-_aTlLrwvhAPr3-dFtXhVWLjN0B_s6kdQdLcn1_sfcsbC4p5jdu_G2apnWysvUDCFcqJ_KlSLNWxMNZ7xkrmbh8su7ZMsRxKNb5lM-htR9JZ1GKgf6aEL-4e8WjQ3wifcrqC6uLtOhLTEEC_yM7TrKp2YNYw
https://www.youtube.com/watch?v=uxXRyCyAe1s&fbclid=IwAR0dIIIKbwI9a-eKKCaMlIPN8lmg5bVJFB29r9JdtGeRriXazxfR1FckA90
เพิ่งมีโอกาสมานั่งฟังคลิปตัวเอง สรุปสั้นๆ คือ
คำถาม มองตลาดหุ้นปีนี้อย่างไร
ตอบ ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ใหม่ในโลกทุนนิยม คือการเกิดขึ้นของ Quantitative Easing (QE) โดยธนาคารกลางของชาติมหาอำนาจพร้อมใจกันพิมพ์เงินเป็นจำนวนมากในปริมาณใกล้ๆ กัน ทั้ง US, EU, Japan รวมถึง China ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นทั้ง หุ้นและอสังหาริมทรัพย์
...
https://www.youtube.com/watch?v=uxXRyCyAe1s&fbclid=IwAR0dIIIKbwI9a-eKKCaMlIPN8lmg5bVJFB29r9JdtGeRriXazxfR1FckA90
เพิ่งมีโอกาสมานั่งฟังคลิปตัวเอง สรุปสั้นๆ คือ
คำถาม มองตลาดหุ้นปีนี้อย่างไร
ตอบ ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ใหม่ในโลกทุนนิยม คือการเกิดขึ้นของ Quantitative Easing (QE) โดยธนาคารกลางของชาติมหาอำนาจพร้อมใจกันพิมพ์เงินเป็นจำนวนมากในปริมาณใกล้ๆ กัน ทั้ง US, EU, Japan รวมถึง China ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นทั้ง หุ้นและอสังหาริมทรัพย์
...
อนาคตตลาดหุ้นจะเป็นยังไง ปัจจัยหลักๆ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบาย QE ว่าจะเป็นอย่างไร ลดลง คงที่ หรือพิมพ์เพิ่ม
สิ่งที่กำหนดว่าจะทำ QE ได้ต่อหรือไม่คือเงินเฟ้อ เพราะถ้าเงินเฟ้อมา QE ก็ต้องหยุด
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าทั่วโลกได้ทำ QE จำนวนมหาศาล แต่ 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจหลักๆ ของโลกกลับไม่มีเงินเฟ้อ ส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 3% เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
สาเหตุหลักที่เงินเฟ้อไม่มี ทั้งๆ ที่เงินท่วมโลกคือ
1) เงินไม่หมุนในระบบ เงิน QE อยู่ในมือสถาบันการเงิน และคนรวยเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ถูกนำมาใช้จ่าย ส่วนใหญ่ถูกนำไปซื้อสินทรัพย์
ทั้งนี้ เงินเฟ้อคิดจากราคาสินค้าที่เราใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ได้คิดรวมราคาสินทรัพย์ เช่น บ้านหรือคอนโด
2) การเข้ามาของจีนในระบบเศรษฐกิจโลก จีนผลิตสินค้าได้มากในราคาที่ถูก ทำให้สินค้าหลายอย่างมีราคาลดลง
3) การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี ส่งผลให้ทั้งโลกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผลิตสินค้าและบริการได้ดีขึ้น ในราคาที่ถูกลง
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และน่าจะดำเนินต่อไปได้อีกนาน
เมื่อเงินเฟ้อไม่มี ธนาคารกลางทั่วโลกก็สามารถทำ QE เพิ่มได้อีก ราคาสินทรัพย์ที่เรามองว่าสูงแล้วก็มีโอกาสสูงขึ้นอีก หรืออาจจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงแบบนี้ได้อีกนาน หากตลาดหุ้นตกใจ หุ้นอาจลงได้ไม่นาน สักพักก็ปรับตัวขึ้นมาใหม่เพราะ ประเทศใหญ่ๆ เสกเงินได้นั่นเอง
สิ่งที่ต้องจับตาดู คือเงินเฟ้อ ถ้ามาเมื่อไหร่ น่าจะ game over
แต่ความเห็นผม โลกเรากำลังมุ่งสู่การเกิด deflation สินค้าและบริการมีแนวโน้มราคาลดลงเพราะเทคโนโลยีที่กำลังมาในอนาคต เช่น AI, Robotics, 5G ล้วนแล้วแต่มีผลให้สินค้ามีราคาลดลง
เงินเฟ้ออาจจะไม่มีอีกนาน ราคาสินทรัพย์อาจจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้อีกนาน
คนที่มองเห็น น่าจะปรับตัวได้ น่าจะได้ประโยชน์ คนที่ไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็นผู้เสียประโยชน์
สิ่งที่กำหนดว่าจะทำ QE ได้ต่อหรือไม่คือเงินเฟ้อ เพราะถ้าเงินเฟ้อมา QE ก็ต้องหยุด
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าทั่วโลกได้ทำ QE จำนวนมหาศาล แต่ 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจหลักๆ ของโลกกลับไม่มีเงินเฟ้อ ส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 3% เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
สาเหตุหลักที่เงินเฟ้อไม่มี ทั้งๆ ที่เงินท่วมโลกคือ
1) เงินไม่หมุนในระบบ เงิน QE อยู่ในมือสถาบันการเงิน และคนรวยเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ถูกนำมาใช้จ่าย ส่วนใหญ่ถูกนำไปซื้อสินทรัพย์
ทั้งนี้ เงินเฟ้อคิดจากราคาสินค้าที่เราใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ได้คิดรวมราคาสินทรัพย์ เช่น บ้านหรือคอนโด
2) การเข้ามาของจีนในระบบเศรษฐกิจโลก จีนผลิตสินค้าได้มากในราคาที่ถูก ทำให้สินค้าหลายอย่างมีราคาลดลง
3) การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี ส่งผลให้ทั้งโลกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผลิตสินค้าและบริการได้ดีขึ้น ในราคาที่ถูกลง
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และน่าจะดำเนินต่อไปได้อีกนาน
เมื่อเงินเฟ้อไม่มี ธนาคารกลางทั่วโลกก็สามารถทำ QE เพิ่มได้อีก ราคาสินทรัพย์ที่เรามองว่าสูงแล้วก็มีโอกาสสูงขึ้นอีก หรืออาจจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงแบบนี้ได้อีกนาน หากตลาดหุ้นตกใจ หุ้นอาจลงได้ไม่นาน สักพักก็ปรับตัวขึ้นมาใหม่เพราะ ประเทศใหญ่ๆ เสกเงินได้นั่นเอง
สิ่งที่ต้องจับตาดู คือเงินเฟ้อ ถ้ามาเมื่อไหร่ น่าจะ game over
แต่ความเห็นผม โลกเรากำลังมุ่งสู่การเกิด deflation สินค้าและบริการมีแนวโน้มราคาลดลงเพราะเทคโนโลยีที่กำลังมาในอนาคต เช่น AI, Robotics, 5G ล้วนแล้วแต่มีผลให้สินค้ามีราคาลดลง
เงินเฟ้ออาจจะไม่มีอีกนาน ราคาสินทรัพย์อาจจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้อีกนาน
คนที่มองเห็น น่าจะปรับตัวได้ น่าจะได้ประโยชน์ คนที่ไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็นผู้เสียประโยชน์
No comments:
Post a Comment