Thursday, February 20, 2014

KTC คาดปี 57 กำไรโตกว่า 20% รายได้โต 30% ยอดบัตรใหม่ 4 แสนบัตร

KTC คาดปี 57 กำไรโตกว่า 20% รายได้โต 30% ยอดบัตรใหม่ 4 แสนบัตร

http://www.ryt9.com/s/iq05/1840637


บมจ.บัตรกรุงไทย(KTC) คาดว่าในปี 57 กำไรของบริษัทจะเติบโตมากกว่า 20% จากปีก่อนที่มีกำไรปกติจากการดำเนินงานที่ 1,037 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อน 13,868 ล้านบาท และยอดบัตรใหม่ 4 แสนบัตร

ขณะที่ KTC มีแผนออกหุ้นกู้วงเงินราว 1.1 หมื่นล้านบาทราวปลายไตรมาส 2/57 เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดในครึ่งปีหลัง และเพื่อใช้ในการให้สินเชื่อ

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC เปิดเผยว่า บริษัทจะดำเนิงานตามแผนกลยุทธระยะยาว เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นอันดับหนึ่งของธุรกิจบัตรเครดิตภายใน 5 ปีนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะใช้แนวคิดสร้างสรรสิ่งที่ดีกว่าและเป็นประโยชน์ให้ครอบคลุมในทุกมิติความต้องการของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งสมาชิก ผู้ถือหุ้น พนักงาน พันธมิตร และสังคม

ทั้งนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญในการเพิ่มรายได้ เน้นทำการตลาดเชิงรุก โดยตั้งงบลงทุนด้านการตลาดไว้ทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อผลักดันยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้เติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้ายอดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 15-20% ในปีนี้

สำหรับยอดบัตรเครดิตใหม่เพิ่มจากฐานของปี 56 ที่มียอดบัตรเครดิตทั้งสิ้น 1.57 ล้านบัตร แม้สถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้มีการชะลอตัวลง และสถานการณ์ทางการเมืองยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง แต่บริษัทยังมองเห็นความต้องการใช้บัตรเครดิตที่ให้ความสะดวกสบายกว่าการใช้เงินสดมาก รวมถึงที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยมีปัญหาในการเพิ่มจำนวนบัตร และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ยังคงต่ำกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ NPL ของ KTC ก็มีโอกาสจะปรับเพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรมได้ ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สูญไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อน

นายระเฑียร กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้อีก 1,100 ล้านบาทในช่วงปลายไตรมาส 2/57 เนื่องจากแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในช่วงปลายไตรมาส 3/57 และ 4/57 จำนวน 7,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อการปล่อยสินเชื่อใหม่

แผนการดำเนินงานในปี 57 บริษัทจะขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิตทั้งจากลูกค้ารายใหม่และลูกค้ารายเดิม และจัดทำแผนวิเคราะห์พฤติกรรมกลุ่มสมาชิก เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และโปรแกรมการตลาด รวมถึงธุรกิจสินเชื่อบุคคลจะเน้นพิจารณารูปแบบการจ่ายชำระและโปรแกรมจูงใจสมาชิก ประกอบกับการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวังมากขึ้น โดยจะเข้มงวดไม่ให้เกิด NPL เพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ของธนคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งพัฒนาระบบออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า


No comments:

Post a Comment