Analyst Meeting Q2’56
(from Khun m_chai ร้อยคนร้อยหุ้น ห้อง KTC หน้า 77)
เรื่อง Delinquency Rate และ
NPL
- Delinquency rate ตอน Q4’55 อยู่ที่ 1.9% Q1’56 อยุ่ที่ 4% พอ
Q2’56 อยู่ที่ 2.9% หลังจากนี้ก็จะดีขึ้น แต่ไม่มั่นใจว่าจะลงไปต่ำถึง 1.9%
เหมือนตอน Q4’55 ได้
เพราะตอนนั้นถือเป็นช่วงที่ดีมากๆทีเดียวที่ลูกค้าจ่ายตรงกันมาก
โดยรวมแล้วดีกว่าเมื่อปี 55 แต่ก็แย่กว่า Q4’55
- NPL เมื่อตอน Q1’56
สูงเพราะรับรู้ Delinquency เร็วก็เนื่องจากการปรับ Cycle Cut
ทำให้ลูกหนี้จำนวนหนึ่งที่ไม่เคยถูก Classify เป็นลูกหนี้เกินกำหนดชำระ
กลายเป็นเกินกำหนด ... พอมาตอน Q2’56 ก็มีเรื่องการปรับ Cycle Cut อีกเช่นกัน
ส่งผลกระทบระดับหนึ่ง และก็มีเรื่องภาะวเศรษฐกิจด้วยที่มีผลกระทบ
- ผลกระทบจาก
Cycle Cut หมดไปตั้งแต่เดือน พค
แล้ว
เรื่องสำรองหนี้&คะแนน
-
สำรองหนี้ที่ตั้งไว้จะไม่เอากลับมาเป็นรายได้
เพราะตั้งไว้เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบที่คาดไม่ถึง
-
สำรองหนี้ตอนนี้รองรับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้แบบสบายๆ
เพราะฉะนั้นถ้าเศรษฐกิจตกต่ำจริงก็กระทบบริษัทน้อย
- สำรอง ณ
วันนี้ตั้งไว้เพียงพอแล้ว เพียงพอสำหรับมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ที่จะบังคับใช้ใน
1-2ปีข้างหน้า หรือตั้งไว้เทียบเท่ากับ Basel lll ของแบงค์เลย
และเชื่อได้เลยว่าตั้งไว้มากกว่าคู่แข่งทุกราย
- 2H56 ก็ไม่น่าตั้งสำรองมากกว่า
1Q56 แล้ว ... Q3’56 อาจจะดีขึ้นไม่มากเท่าไหร่ แต่ Q4’56
น่าจะชัดเพราะคาดว่าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น
- Bad Debt Recovery อีก
2-3ปีจากนี้ก็น่าจะอยู่ในระดับนี้แหละ
- สำรองคะแนน
บอกได้เลยว่าสำรองไว้เต็มที่แล้ว และมั่นใจว่าสำรองไว้มากที่สุดในอุตฯแล้ว
ถามว่าจะมี surprise ที่อยู่ๆโผล่มา 100 ล้าน มั้ย ... ตอบว่า
ไม่มี
เรื่องอื่นๆ
- ตอนนี้ที่มีข่าวว่า
หนี้ครัวเรื่องสูงมากถึง 80% คุณระเฑียรบอกว่าจริงๆก็สูงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
แล้ว .. โดยภาพรวม Spending ของประชาชนก็เริ่มชะลอ แต่ของ KTC ยังมี growth
อยู่แต่อยู่ในระดับที่ชะลอลง
- หนี้ครัวเรือนสูงทำให้ NPL สูงขึ้นไหม ...
โดยภาพรวมของ KTC ยังไม่ได้แย่ลง แต่ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
รู้สึกว่าลูกค้าเริ่มตึงๆ โดยดูจาก effort ที่ใส่ไป
ปกติแล้วใส่ไปเท่าไหร่ก็จะได้กลับมาร้อย แต่ต้อนนี้ได้กลับมาแต่ 90 95 เอง ...
สรุปหนี้ครัวเรือนสูงยังไม่มี Impact กับ KTC ในตอนนี้
- เรื่อง Topline
ตอนนี้เริ่มเป็นห่วงว่าจะไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ 10% แต่ก็เร่งให้ฝ่ายจัดการ
ดำเนินการอยู่ จะพยายามทำให้เต็มที่ให้ถึง 10% .... เรื่องลด Cost เรื่อง IT
เราประสบความสำเร็จหมด เหลือแต่เรื่อง Topline เรื่องเดียวที่ยังทำไม่สำเร็จ
-
เป้าของ Personal Loan ไม่น่ามีปัญหา
- ระบบ IT ก็กำลังปรับอยู่ ยังไม่ได้หยุด
แต่ที่ปรับอยู่ไม่ใช่ Core System แต่กำลังปรับเรื่องของ Technology Edge
เพื่อให้มากกว่าคู่แข่ง จะได้มี Cost ที่ต่ำกว่า
ที่สามารถแข่งขันได้อย่างสบายๆ
- Number of Card ทรงๆ แต่ Percentage of Active
Card เพิ่มขึ้น
- ตอนนี้ที่เน้นทำเรื่อง Online Marketing ด้วยก็เพราะเห็นว่า
ตลาด Online กำลังเดิตบโตมาก และน่าจะ Launch feature ใหม่ใน Q3’56 นี้ ...
ในส่วนของ Online น่าจะโตประมาณ 40%
- เรื่องกำไรปีนี้จากเป้าที่เคยให้ไว้
ว่าจะโตอย่างน้อย 2 เท่าจากปีที่แล้ว เปลี่ยนแล้ว .. เป้าตอนนี้ 1,000 ล้าน ของปี
56 นี้และค่อนข้างมั่นใจว่าทำได้แน่ ( Normalized Profit นะครับ)
- เรื่อง
Marketing Budget ปี 56 ก็จะใช้ให้มากที่สุด เพราะเราใช้เพื่อสร้างอนาคต
ถามว่ามากแค่ไหน ตอบว่าอย่างมากก็ใช้ให้เหลือกำไรพันล้าน
(หัวเราะกันทั้งห้องประชุม)
- Nature ของธุรกิจบัตรเครดิต
เวลาพอร์ตโตกำไรจะไม่โต เพราะว่าต้องใช้เงินในการดันพอร์ต
แต่เมื่อไหร่ที่พอร์ตเริ่มนิ่งๆ ตอนนั้นกำไรจะโต และโตเร็ว
เพิ่มเติม by me myself
เรื่อง SG&A
- ยึด Q2'56 เป็น base ได้ นั่นคือ Operating cost / Income = 26%-28%
Card Society
- Penetration rate ของ card จะสูงขึ้นได้จนเป็น card society เหมือนเมืองนอก ต้องมีการร่วมมือหลายฝ่าย เช่น Bank ลดการใช้ cash ลง ทำให้คนต้องหันมาใช้ เช็คกะ card มากขึ้น, การนำ Local switching มาใช้กับ credit card ปัจจุบันใช้แค่กับ Debit
พรบ บัตรเครดิต
- เกิดยาก และอีกนาน ต้องผ่านอีกหลายวาระ
- หลาย ๆ ข้อ เตรียมการไว้แล้ว เช่นศูนย์ร้องทุกข์
- มีผลกับทั้งอุตสาหกรรม หากเกิดจริงน่าจะมีการพูดคุยและร่วมมือกัน เพื่อให้กระทบน้อยที่สุด
- แต่หากไม่ทำอะไรเลย แล้ว พรบ ผ่าน จะกระทบประมาณ 50 MB / month (ก่อน tax)
- ถึงจะกระทบ ก็คิดว่า EPS 4 baht per share ยังทำได้
การเพิ่มทุน
- ไม่ชอบการเพิ่มทุน ไม่อยากเอาตังค์ ผถห.
- ตอนนี้ DE7.7 ยังเหลือ อีก 2.3 ให้ใช้ (ประมาณ 15,000MB)
- มีกำไรจากการดำเนินงานปีละ 1,000MB หากต้องใช้เงิน ก็อาจปันผลเป็นหุ้นก้ได้
No comments:
Post a Comment