http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000048875
ASTV ผู้จัดการรายวัน - "ซีพี ออลล์"(CPALL) เทกโอเวอร์ "แม็คโคร"(MAKRO)
บอร์ดไฟเขียวซื้อหุ้นทั้งหมด รวมทั้ง 2 บริษัทในกลุ่มจาก "เอสเอชวี เนดธอร์แลนด์
บี.วี. (SHV)" มูลค่า 1.21 แสนล้านบาท คิดเป็น 787.00 บาท/หุ้น แถมควักอีก 6.7
หมื่นล้านตั้งโต๊ะเทนเดอร์ออฟเฟอร์ซื้อหุ้นอีก 85 ล้านหุ้น
เตรียมชงผู้ถือหุ้นอนุมัติ 12 มิ.ย.นี้
ชี้ได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมั่นคงเพราะเป็นบริษัทที่มีคุณภาพ
มีกลยุทธ์และการตลาดที่โดดเด่น ทีมงานประสบการณ์สูง มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนกระจายสินค้า และลดต้นทุนดำเนินงาน
อีกทั้งมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและมูลค่าเพิ่มจากอสังหาริมทรัพย์ โบรกฯ
ห่วงหนี้พุ่ง แต่เชื่อช่วยต่อยอดธุรกิจ
นายเกรียงชัย
บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (CPALL) เปิดเผยว่า
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีมติเข้าซื้อหุ้น
และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ บมจ. สยาม แม็คโคร (MAKRO) รวมทั้ง บริษัท
สยามแม็คโครโฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท โอเอชที จำกัด
ซึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้น MAKRO ทั้งทางตรง และทางอ้อมจำนวน 154,429,500 หุ้น หรือ
64.35% มูลค่าหุ้นละ 787.00 บาท หรือเทียบเท่าหุ้นละ 27.50 เหรียญสหรัฐ
โดยเข้าลงนามสัญญาซื้อขายข้างต้นกับ บริษัท เอสเอชวี เนดธอร์แลนด์ บี.วี. (SHV)
เพื่อได้มาซึ่งสิทธิการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา และสิทธิในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ซึ่งคิดเป็นจำนวนสินทรัพย์ที่จะได้มาประมาณ 121,536 ล้านบาท หรือ 4,247
ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์กับผู้ถือหุ้นในส่วนที่เหลืออีก 85.57
ล้านหุ้น ใน ราคา 787.00 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 67,344 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อรวมกับการซื้อหุ้นในครั้งแรกจะทำให้ CPALL
ใช้เงินในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ทั้งสิ้น 1.89 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันได้กำหนดจัดการประชุมผู้ถือหุ้น ในวันที่ 12 มิ.ย.2556
เพื่อขออนุมัติเรื่องดังกล่าว
สำหรับ แหล่งเงินทุน
ในการซื้อกิจการ MAKRO ครั้งนี้
คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ CPALL
และวงเงินตามสัญญาในการสนับสนุนการเงินจากสถาบันการเงิน
โดยผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัท
จากการเข้าซื้อหุ้น MAKRO ครั้งนี้ คือ
ได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมั่นคง ในการดำเนินธุรกิจ
เพราะเป็นบริษัทที่มีคุณภาพมีกลยุทธ์ และการตลาดที่โดดเด่นชัดเจน
มีทีมงานประสบการณ์สูง มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน
ช่วยสร้างผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นผ่านการสร้างประโยชน์ร่วมกันของทั้งสององค์กร
และการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง
เพื่อเพิ่มความสามารถเจรจากับคู่ค้าที่มียอดขายรวมสูงถึง 3 แสนล้านบาท
และเพิ่มประสิทธิภาพร่วมกันในการวางแผนกระจายสินค้า เพื่อลดต้นทุนดำเนินงาน
อีกทั้งโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและมูลค่าเพิ่มจากอสังหาริมทรัพย์และตราสินค้า MAKRO
เช่นการบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอยของอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"บริษัทฯ
จะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดประมาณ 10%
ส่วนที่เหลือจะกู้ยืมจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก รวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
โดยเงินกู้จะมีทั้งเงินบาทและดอลลาร์ ตอนนี้มีธนาคารที่ตอบรับให้กู้แล้ว 5-6 แห่ง
แต่อยู่ระหว่างเจรจาเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตามยืนยันว่า CPALL
จะไม่เพิ่มทุนจดทะเบียน
เนื่องจากการซื้อหุ้นครั้งนี้ขึ้นอยู่บนพื้นฐานที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น
และเชื่อว่าการทำธุรกรรมนี้ไม่มีส่วนใดที่จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น
แม้ภายหลังการซื้อหุ้น MAKRO เสร็จสิ้น บริษัทฯ จะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 5
เท่า เพราะอัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงตามแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น
และขอย้ำว่าราคาในการซื้อหุ้นครั้งนี้ไม่แพง"
แม็คโครคาดดีลแล้วเสร็จภายในสิ้น
มิ.ย.นี้
นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบริหารการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
หรือ MAKRO กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากบริษัท เอสเอชวี โฮลดิ้ง เอ็นวี (SHV)
ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ว่า SHV ได้ตกลงทำสัญญากับ บมจ.ซีพี ออลล์
เพื่อขายหุ้นทั้งหมดของ SHV และบริษัทในเครือของ SHV
ที่ถือหุ้นในบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม จำนวน 154,429,500 หุ้น คิดเป็นร้อยละ
64.35 ของจำนวนหุ้นที่ออก และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคา 787
บาทต่อหุ้นซึ่งเป็นราคาคำเสนอซื้อของบริษัทผู้ซื้อ
โดยถือตามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
ที่คาดว่าจะมีการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จประมาณวันที่ 30
มิถุนายน 2556
โบรกฯ มองดีลเอื้อช่วยต่อยอดธุรกิจแต่
D/E พุ่ง
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ยอมรับว่า การที่ราคาหุ้น CPALL ร่วงลงเยอะวานนี้
แต่กลับมีมูลค่าซื้อขายอันดับหนึ่ง เพราะปัจจัยที่กดดันต่อราคาหุ้น
ที่มาจากการที่คาดว่า บริษัทจะต้องใช้เงินจำนวนมาก
หากจะเข้าซื้อกิจการแม็คโครในครั้งนี้ แต่สิ่งที่นักลงทุนกังวลคือขายหุ้นให้กับใคร
ซึ่งมีกระแสข่าวลือ ทั้งเบอร์ลี่ฯ ซีพีออลล์ เซ็นทรัล แต่ยังไม่มีการยืนยันว่า
ใครจะเป็นผู้รับซื้อที่ชัดเจน ล่าสุด นักลงทุนคาดการณ์ว่า ซีพีออลล์
จะเป็นผู้รับซื้อหุ้นในครั้งนี้
"ราคาหุ้นซีพีออลล์ปรับตัวลงทันทีและมีวอลุ่มหนาแน่น
เพราะมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้รับซื้อหุ้นทำให้นักลงทุนที่ถือหุ้นกังวลใจ
เพราะมูลค่ารายการของหุ้นแม็คโคร หากทำรายการจริงตามที่เป็นข่าว
มูลค่ารายการจะอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก
หากพิจารณาพื้นฐานซีพีออลล์ มีกระแสเงินสด 2 หมื่นล้านบาท ไม่พอต่อการทำรายการ
จำเป็นต้องระดมทุนครั้งใหญ่
นักลงทุนจึงตื่นเทขายหุ้นออกมา"
ทั้งนี้
ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา โครงสร้างผู้ถือหุ้น
สยามแม็คโคร ประกอบด้วย บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) 55.1% ออร์แคม
โฮลดิ้ง เอเชีย เอ็น.วี. 9.34% ไทยเอ็นวีดีอาร์ 3.78% และ บีเอ็นพี พาริบาส์
ซิเคียวริตี้ ฯ
3.21%
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า
ดีลที่เกิดขึ้นเป็นมูลค่าที่สูง ทำให้ CPALL ต้องระดมทุนจำนวนมาก
และมีผลลต่ออัตราหนี้สินต่อทุนปรับตัวขึ้นไปในระดับที่สูง
อย่างไรก็ตามมองว่านี่คือกาารต่อยอดธธุรกิจ และช่วยเสริมศักยภาพของกันและกัน
อีกทั้งสาขาของ MAKRO ที่กกระจายอยู่ทั่ววประเทศ ล้วนเป็นทำเลที่มีศักยภาพ
เชื่อว่าการต่อยอดรายได้ด้านธุรกิจอสังหาผ่านการเช่าพื้นที่
หรือสร้างอาคารเพิ่มเติมน่าจะเกิดขึ้น และมีผลบวกตต่อรายได้ของทั้ง2บริษัท
Tuesday, April 23, 2013
Wednesday, April 17, 2013
ทอง ทอง ทอง
ราคาทองคำดิ่งลงอย่างรุนแรงมากที่สุดในรอบ 30 ปี
หลังมีข่าวธนาคารกลางหลายประเทศในยุโรปเตรียมนำทองคำสำรองในมือ 13 ตัน ออกขายในตลาด
เพื่อระดมทุนแก้ปัญหาหนี้สิน
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ กล่าวว่า ราคาทองคำช่วงสงกรานต์ในตลาดโลกลดลงอย่างรุนแรง จากราคาเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,580 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาอยู่ที่ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลงถึง 260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับลดลงแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2526 หรือในรอบ 30 ปี แต่เนื่องจากสมาคมค้าทองคำและตลาดอนุพันธ์ ปิดทำการ ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ และจะเปิดอีกครั้งวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนบางส่วนอาจจะอยู่ในสถานการณ์ตื่นตระหนก คาดว่าสมาคมค้าทองคำจะประกาศราคาทองต่ำกว่าบาทละ 20,000 บาท โดยอาจจะลงมาถึง 18,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ขอให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยให้แนวรับของราคาทองไว้ที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยืนอยู่ได้ ก็มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ แต่หากรับไม่อยู่ก็จะไปที่แนวรับ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับสาเหุตที่ราคาทองคำลดลงแรงในช่วงนี้ เนื่องจากมีข่าวว่า ธนาคารกลางของไซปรัส เตรียมขายทองคำที่ถืออยู่ 13 ตัน เพื่อระดมทุน 400 ล้านยูโร เพื่อแก้วิกฤตหนี้ ทำให้เกิดความวิตกว่า ธนาคารกลางของอิตาลีที่ถือทองคำอยู่ 2,000 ตัน, กรีซและโปรตุเกสที่ถือทองคำรวมกัน 300 ตัน อาจจะเทขายทองคำออกมาเช่นกัน ประกอบกับกองทุนต่างๆ ได้เทขายทองคำออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งยิ่งเป็นการซ้ำเติมทำให้ราคาทองคำลดลงต่อเนื่อง
http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000045686
อีกสาเหตุที่ทองลง copy มาจากบทวิเคราะห์
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดโลก
1.เงินดอลลาร์สหรัฐ หากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น เพราะการซื้อทองคำเหมือนการป้องกันความเสี่ยงมูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
2.ความกลัวเรื่องเงินเฟ้อ หากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นโดยปัจจัยอื่นคงที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะอัตราเงินเฟ้อส่งผลให้มูลค่าของพันธบัตร และเงินสดลดลง แต่มูลค่าทองคำกลับสามารถต้านแรงกดดันเงินเฟ้อได้
3.ความเสี่ยงทางการเมืองและระบบการเงิน ในช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และความกังวลอย่างสูงเกี่ยวกับระบบการเงินโลก ราคาทองคำมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากทองคำถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
4.อุปสงค์และอุปทานของโลก ถ้าความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณของทองคำโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เช่น ความต้องการทองคำในประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วคือ จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง หรือปริมาณของทองคำถูกเพิ่มขึ้นในตลาดขณะที่ความต้องการเท่าเดิมโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำลดลง เช่น การขายทองคำออกมาจำนวนมากของธนาคารกลาง
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศไทย
1.ราคาทองคำในตลาดโลก หากราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น
ในทางกลับกันหากราคาทองคำในตลาดโลกลดลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะลดลง
2.ค่าเงินบาท/ดอลล่าห์สหรัฐ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันหากค่าเงินบาทแข็งค่าโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะลดลง
3.อุปสงค์และอุปทานในประเทศ ถ้าความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณของทองคำโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เช่น เทศกาลก่อนตรุษจีนราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
จากบทความนี้คงทำให้นักลงทุนได้เข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบกับราคาทองคำ และสามารถวิเคราะห์ราคาทองคำเพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ สำหรับความรู้ด้านการเงินการลงทุนนักลงทุนสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากหลักสูตรต่างๆ ที่ทางสถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) ได้จัดขึ้นเป็นประจำที่ www.tsi-thailand.org
น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ กล่าวว่า ราคาทองคำช่วงสงกรานต์ในตลาดโลกลดลงอย่างรุนแรง จากราคาเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,580 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาอยู่ที่ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือลดลงถึง 260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถือเป็นการปรับลดลงแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2526 หรือในรอบ 30 ปี แต่เนื่องจากสมาคมค้าทองคำและตลาดอนุพันธ์ ปิดทำการ ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ และจะเปิดอีกครั้งวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่านักลงทุนบางส่วนอาจจะอยู่ในสถานการณ์ตื่นตระหนก คาดว่าสมาคมค้าทองคำจะประกาศราคาทองต่ำกว่าบาทละ 20,000 บาท โดยอาจจะลงมาถึง 18,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ขอให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยให้แนวรับของราคาทองไว้ที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยืนอยู่ได้ ก็มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ แต่หากรับไม่อยู่ก็จะไปที่แนวรับ 1,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับสาเหุตที่ราคาทองคำลดลงแรงในช่วงนี้ เนื่องจากมีข่าวว่า ธนาคารกลางของไซปรัส เตรียมขายทองคำที่ถืออยู่ 13 ตัน เพื่อระดมทุน 400 ล้านยูโร เพื่อแก้วิกฤตหนี้ ทำให้เกิดความวิตกว่า ธนาคารกลางของอิตาลีที่ถือทองคำอยู่ 2,000 ตัน, กรีซและโปรตุเกสที่ถือทองคำรวมกัน 300 ตัน อาจจะเทขายทองคำออกมาเช่นกัน ประกอบกับกองทุนต่างๆ ได้เทขายทองคำออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งยิ่งเป็นการซ้ำเติมทำให้ราคาทองคำลดลงต่อเนื่อง
http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000045686
อีกสาเหตุที่ทองลง copy มาจากบทวิเคราะห์
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในตลาดโลก
1.เงินดอลลาร์สหรัฐ หากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น เพราะการซื้อทองคำเหมือนการป้องกันความเสี่ยงมูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
2.ความกลัวเรื่องเงินเฟ้อ หากเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นโดยปัจจัยอื่นคงที่ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพราะอัตราเงินเฟ้อส่งผลให้มูลค่าของพันธบัตร และเงินสดลดลง แต่มูลค่าทองคำกลับสามารถต้านแรงกดดันเงินเฟ้อได้
3.ความเสี่ยงทางการเมืองและระบบการเงิน ในช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และความกังวลอย่างสูงเกี่ยวกับระบบการเงินโลก ราคาทองคำมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากทองคำถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
4.อุปสงค์และอุปทานของโลก ถ้าความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณของทองคำโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เช่น ความต้องการทองคำในประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วคือ จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง หรือปริมาณของทองคำถูกเพิ่มขึ้นในตลาดขณะที่ความต้องการเท่าเดิมโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำลดลง เช่น การขายทองคำออกมาจำนวนมากของธนาคารกลาง
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศไทย
1.ราคาทองคำในตลาดโลก หากราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น
ในทางกลับกันหากราคาทองคำในตลาดโลกลดลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะลดลง
2.ค่าเงินบาท/ดอลล่าห์สหรัฐ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันหากค่าเงินบาทแข็งค่าโดยปัจจัยอื่นคงที่ ราคาทองคำในประเทศจะลดลง
3.อุปสงค์และอุปทานในประเทศ ถ้าความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณของทองคำโดยปัจจัยอื่นคงที่จะทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เช่น เทศกาลก่อนตรุษจีนราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
จากบทความนี้คงทำให้นักลงทุนได้เข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบกับราคาทองคำ และสามารถวิเคราะห์ราคาทองคำเพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ สำหรับความรู้ด้านการเงินการลงทุนนักลงทุนสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากหลักสูตรต่างๆ ที่ทางสถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) ได้จัดขึ้นเป็นประจำที่ www.tsi-thailand.org
Subscribe to:
Posts (Atom)