KTC as Jitta figure (April 2016)
Wednesday, April 27, 2016
Monday, April 25, 2016
Wednesday, April 13, 2016
MCS as of Apr 2016
MCS ลั่นกำไรปีนี้ทำได้
750 ลบ. เพิ่มจากปี 58 ทำได้ 618 ลบ. เตรียมบุกตลาดสหรัฐฯ
ปีนี้-เล็งซื้อโรงงานในญี่ปุ่น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -5 เม.ย. 59 17:10 น.
วันนี้ บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS แถลงแผนความคืบหน้าและแผนการขยายการลงทุนทางธุรกิจ โดยมี นายไนยวน ชิ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ให้ข้อมูล บริษัทฯ คาดกำไรปีนี้ทำได้ 750 ล้านบาท ส่วนรายได้ทำได้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.65 พันล้านบาท มองปริมาณส่งออกโครงสร้างเหล็กปีนี้ 4.9-5 หมื่นตันต่อปี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- บริษัทฯ คาดกำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 750 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 618.22 ล้านบาท โดยเป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินเยนที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น 10% ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
- สำหรับรายได้ปีนี้บริษัทฯ คาดทำได้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.65 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตตามปริมาณการส่งออกโครงสร้างเหล็กปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9-5 หมื่นตันต่อปี จากปีก่อนอยู่ที่ 4.8 หมื่นตันต่อปี
- บริษัทฯคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 35%
- บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) 2 แสนตัน ซึ่งรองรับ 4 ปี (59-62) โดยจะรับรู้ในปีนี้ราว 50,000 ตัน พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าในการยื่นเสนอราคาขายโครงสร้างเหล็กให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อของลูกค้าล่วงหน้าไปแล้วประมาณ 1 แสนตัน และปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตในประเทศ 70,000 ตันต่อปี
- โดยปริมาณขายโครงสร้างเหล็กในไตรมาส 1/59 ทำได้ 1.1 หมื่นตัน ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.2 หมื่นตัน เนื่องจากลูกค้าบางรายเลื่อนการติดตั้งไปในไตรมาส 2 แต่มั่นใจทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
- นอกจากนี้บริษัทฯ ยังศึกษาในการขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตที่ดี ประกอบกับราคาขายโครงสร้างเหล็กสูงเมื่อเทียบกับการส่งออกในประเทศอื่น ๆ โดยปัจจุบันมีลูกค้าในสหรัฐฯ เข้ามาเจรจาเพื่อแสดงความสนใจในการสั่งซื้อโครงสร้างเหล็ก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
- บริษัทฯมีแผนเข้าไปซื้อสินทรัพย์ อาคารโรงงาน ที่ดินของพันธมิตร คือ Nasu Steel มูลค่า 300 ล้านบาท โดยแหล่งงเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯมีอยู่ราว 600 ล้านบาท คาดจะชัดเจนในไตรมาส 2/59 อย่างไรก็ตามการเข้าไปซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อลดภาระต้นทุนค่าเช่าที่ต้องจ่ายให้กับพันธมิตรเดือนละ 6 ล้านบาท
"เรากำลังเจรจากับ Nasu Steel เพื่อเข้าไปซื้ออาคารโรงงาน และที่ดิน มูลค่าราว 300 ล้านบาท เพื่อเป็นการลดภาระค่าเช่าที่ต้องจ่าย 6 ล้านบาท เนื่องจากเราถือหุ้น 66% จึงต้องจ่ายมากกว่า หากเข้าไปซื้อก็จะช่วยลดภาระตรงนี้ อย่างไรก็ตามโรงงานดังกล่าวเป็นการร่วมทุน โดยใช้ชื่อว่า M.C.S. Nasu โดยมีกำลังการผลิต 1.8 หมื่นตันต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 66% และ Nasu ถือหุ้น 33%"นายไนยวน ชิ กล่าว
- พร้อมกันนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ได้หยุดโครงการซื้อหุ้นคืน หลังราคาซื้อขายหุ้น MCS ในตลาดปรับตัวอยู่ที่ 11 บาทต่อหุ้น ถือว่าสูงกว่าราคารับซื้อที่ตั้งไว้ 10 บาทต่อหุ้น จึงต้องหยุดก่อนครบกำหนดวันที่ 11 เม.ย. 59 โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 275 ล้านบาท
" บริษัทฯ ได้มีการขอมติจากคณะกรรมการบริษัทฯในการซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นวงเงิน 500 ล้านบาท โดยมีกำหนดให้ซื้อหุ้นคืนวันที่ 12 ต.ค. 58-11 เม.ย. 59 และได้ทำการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 275 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 10.67 บาท แต่ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาหุ้น MCS ได้ปรับตัวที่ 11 บาท จึงต้องหยุดการซื้อหุ้นคืนก่อนกำหนด"นายไนยวน ชิ กล่าว
- ราคา MCS ณ ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 11.00 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 5.17% มูลค่าการซื้อขาย 141.72 ล้านบาท
รายงาน โดย วรินดา พรมขัดดุก
เรียบเรียง โดย ชัชชญา อังคุลี
อีเมล์. chatchaya@efinancethai.com
อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
http://www.efinancethai.com/LastestNews ... curity=MCS
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -5 เม.ย. 59 17:10 น.
วันนี้ บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS แถลงแผนความคืบหน้าและแผนการขยายการลงทุนทางธุรกิจ โดยมี นายไนยวน ชิ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ให้ข้อมูล บริษัทฯ คาดกำไรปีนี้ทำได้ 750 ล้านบาท ส่วนรายได้ทำได้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.65 พันล้านบาท มองปริมาณส่งออกโครงสร้างเหล็กปีนี้ 4.9-5 หมื่นตันต่อปี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- บริษัทฯ คาดกำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 750 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 618.22 ล้านบาท โดยเป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินเยนที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น 10% ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
- สำหรับรายได้ปีนี้บริษัทฯ คาดทำได้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.65 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตตามปริมาณการส่งออกโครงสร้างเหล็กปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9-5 หมื่นตันต่อปี จากปีก่อนอยู่ที่ 4.8 หมื่นตันต่อปี
- บริษัทฯคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 35%
- บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) 2 แสนตัน ซึ่งรองรับ 4 ปี (59-62) โดยจะรับรู้ในปีนี้ราว 50,000 ตัน พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าในการยื่นเสนอราคาขายโครงสร้างเหล็กให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อของลูกค้าล่วงหน้าไปแล้วประมาณ 1 แสนตัน และปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตในประเทศ 70,000 ตันต่อปี
- โดยปริมาณขายโครงสร้างเหล็กในไตรมาส 1/59 ทำได้ 1.1 หมื่นตัน ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.2 หมื่นตัน เนื่องจากลูกค้าบางรายเลื่อนการติดตั้งไปในไตรมาส 2 แต่มั่นใจทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
- นอกจากนี้บริษัทฯ ยังศึกษาในการขยายตลาดไปยังสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตที่ดี ประกอบกับราคาขายโครงสร้างเหล็กสูงเมื่อเทียบกับการส่งออกในประเทศอื่น ๆ โดยปัจจุบันมีลูกค้าในสหรัฐฯ เข้ามาเจรจาเพื่อแสดงความสนใจในการสั่งซื้อโครงสร้างเหล็ก โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
- บริษัทฯมีแผนเข้าไปซื้อสินทรัพย์ อาคารโรงงาน ที่ดินของพันธมิตร คือ Nasu Steel มูลค่า 300 ล้านบาท โดยแหล่งงเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯมีอยู่ราว 600 ล้านบาท คาดจะชัดเจนในไตรมาส 2/59 อย่างไรก็ตามการเข้าไปซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อลดภาระต้นทุนค่าเช่าที่ต้องจ่ายให้กับพันธมิตรเดือนละ 6 ล้านบาท
"เรากำลังเจรจากับ Nasu Steel เพื่อเข้าไปซื้ออาคารโรงงาน และที่ดิน มูลค่าราว 300 ล้านบาท เพื่อเป็นการลดภาระค่าเช่าที่ต้องจ่าย 6 ล้านบาท เนื่องจากเราถือหุ้น 66% จึงต้องจ่ายมากกว่า หากเข้าไปซื้อก็จะช่วยลดภาระตรงนี้ อย่างไรก็ตามโรงงานดังกล่าวเป็นการร่วมทุน โดยใช้ชื่อว่า M.C.S. Nasu โดยมีกำลังการผลิต 1.8 หมื่นตันต่อปี ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 66% และ Nasu ถือหุ้น 33%"นายไนยวน ชิ กล่าว
- พร้อมกันนี้ปัจจุบันบริษัทฯ ได้หยุดโครงการซื้อหุ้นคืน หลังราคาซื้อขายหุ้น MCS ในตลาดปรับตัวอยู่ที่ 11 บาทต่อหุ้น ถือว่าสูงกว่าราคารับซื้อที่ตั้งไว้ 10 บาทต่อหุ้น จึงต้องหยุดก่อนครบกำหนดวันที่ 11 เม.ย. 59 โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 275 ล้านบาท
" บริษัทฯ ได้มีการขอมติจากคณะกรรมการบริษัทฯในการซื้อหุ้นคืนทั้งหมด 50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นวงเงิน 500 ล้านบาท โดยมีกำหนดให้ซื้อหุ้นคืนวันที่ 12 ต.ค. 58-11 เม.ย. 59 และได้ทำการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 275 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 10.67 บาท แต่ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาหุ้น MCS ได้ปรับตัวที่ 11 บาท จึงต้องหยุดการซื้อหุ้นคืนก่อนกำหนด"นายไนยวน ชิ กล่าว
- ราคา MCS ณ ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 11.00 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 5.17% มูลค่าการซื้อขาย 141.72 ล้านบาท
รายงาน โดย วรินดา พรมขัดดุก
เรียบเรียง โดย ชัชชญา อังคุลี
อีเมล์. chatchaya@efinancethai.com
อนุมัติ โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
http://www.efinancethai.com/LastestNews ... curity=MCS
Personal Comment
- Revenue ดีกว่าปีก่อน 10% จากการ Hedge ค่าเงินไว้ ใช้ 3900 MB
- Use NPM 17% = Net Profit = 660 MB (ตามข่าวข้างบน 750 MB)
- EPS = 660 / (500-27) = 1.4 baht per share (if 750, eps=1.58)
- PE10 = 14 baht (30% upside from 10.9 baht)
- Backlog เยอะ เต็ม 3 ปี
- 52 week high = 12 baht
- All time high = 13 baht
Friday, April 1, 2016
Set status as of Apr 1, 2016
Set status as of Apr 1, 2016
Billy B. = Still Bear แต่กะลังจะพลิกตัว รอเส้นเฉลี่ยสั้นตัดขึ้นไป
O'Neil = เพิ่งจะ Uptrend again หลังจากโดน DD ไปหลายวัน
% SET compare to EMA50 = 4.4% (ถ้า 5% ถือว่าค่อนข้าง peak ทีเดียว!!!)
SET Index = 1400
PE = 20.54 (Thai Government 10 year Bond = 2.15% as per Feb 2016)
Yield Gap = 2.72% (ต่ำกว่า 1.8% ควรระวัง!!!) (มากกว่า 2.5% น่าสนใจนะ!!!)
PE = 20.54 (Thai Government 10 year Bond = 2.15% as per Feb 2016)
Yield Gap = 2.72% (ต่ำกว่า 1.8% ควรระวัง!!!) (มากกว่า 2.5% น่าสนใจนะ!!!)
Billy B. = Still Bear แต่กะลังจะพลิกตัว รอเส้นเฉลี่ยสั้นตัดขึ้นไป
O'Neil = เพิ่งจะ Uptrend again หลังจากโดน DD ไปหลายวัน
% SET compare to EMA50 = 4.4% (ถ้า 5% ถือว่าค่อนข้าง peak ทีเดียว!!!)
Subscribe to:
Posts (Atom)