Thursday, April 18, 2024

ดร นิเวศน์ ปรับ port (Mar 2024)

 ดร นิเวศน์ ปรับ port (Mar 2024)

https://www.longtunman.com/49705


ดร.นิเวศน์ ตั้ง “บริษัท ตีแตก จำกัด” ทุนจดทะเบียน 2,200 ล้าน ลงทุนหุ้นต่างประเทศ /โดย ลงทุนแมน
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ได้จัดตั้ง บริษัท ตีแตก จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 2,200 ล้านบาท
ซึ่งบริษัทแห่งนี้ เป็นบริษัทโฮลดิง ประกอบธุรกิจการลงทุนในหุ้น และทรัพย์สินอื่น ๆ
มีกรรมการบริษัท 3 คน คือ ดร.นิเวศน์, ภรรยา และลูกสาว
ซึ่งช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การลงทุนในต่างประเทศ มีประเด็นเรื่องภาษีเกิดขึ้น โดยบุคคลธรรมดาในประเทศไทย หากมีเงินได้จากกำไรจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
โดยก่อนหน้านี้ กรมสรรพากร ได้ยกเว้นภาษี หากเงินได้ที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกโอนกลับประเทศไทย ภายในปีที่เกิดเงินได้ จึงทำให้นักลงทุน ที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ หากมีกำไรก็จะถือข้ามปี แล้วค่อยโอนเงินกลับมา เพื่อที่จะไม่โดนภาษี
แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา กรมสรรพากรบอกว่า ไม่ว่าจะโอนกลับประเทศไทยปีไหน เงินได้นั้นก็จะต้องถูกคำนวณภาษีด้วย
ซึ่งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อาจต้องเสียมากสุดถึง 35% เทียบกับการเสียภาษีนิติบุคคล ที่เสียในอัตรา 20% เท่านั้น
ดังนั้น การจัดตั้งบริษัทนี้ ส่วนหนึ่งมีจุดประสงค์ ก็เพื่อเป็นบริหารจัดการเรื่องภาษี จากการลงทุนในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากเป็นการลงทุนในประเทศไทย ดร.นิเวศน์ ก็จะใช้ชื่อบุคคล ลงทุนเหมือนเดิม
นอกจากนี้ เมื่อวันก่อน ดร.นิเวศน์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Money Chat
ว่าเตรียมลดสัดส่วนหุ้นไทย เพิ่มหุ้นต่างประเทศ
จากเดิมที่ถือหุ้นไทย คิดเป็น 60-70% ของพอร์ต
หุ้นเวียดนาม เกือบ 30% ของพอร์ต และเงินสด 5-6% ของพอร์ต
โดยจะปรับพอร์ตเป็น 3 ส่วน ให้มีมูลค่าใกล้เคียงกัน คือ

1. หุ้นเวียดนาม (เสมือนกองหน้า)
โดยจะถือหุ้นผ่านนิติบุคคล ซึ่งก็คือ บริษัท ตีแตก จำกัด เน้นลงทุนในหุ้น Super Stock ประมาณ 30 กว่าตัว
2. กองทุนหุ้นต่างประเทศ/DR (เสมือนกองกลาง)
เน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก และมีธุรกิจแข็งแกร่ง เช่น Apple รวมถึงบริษัทจีน
โดยลงทุนผ่านกองทุนหุ้น หรือ DR
3. หุ้นไทย (เสมือนกองหลัง)
เป็นหุ้นที่มั่นคง ปลอดภัย เน้นกินปันผล และไม่ต้องเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

จะเห็นได้ว่า ดร.นิเวศน์ กำลังเริ่มปรับเปลี่ยนแนวทางการลงทุนครั้งใหญ่
โดยให้ความสำคัญกับ การแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
และในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็สื่อด้วยว่า
ดร.นิเวศน์ กำลังหมดหวังกับตลาดหุ้นไทย เข้าไปทุกที..

Monday, April 1, 2024

Set status as of Apr 01, 2024

 Set status as of Apr 01, 2024

SET Index = 1379  PE = 18.12  (Thai Government 10 year Bond = 2.58% as per   Feb  2024)
Yield Gap =   2.94%

 Billy B. =  BEAR




SET  1367   -->  1379  (+0.8%)  


------------------------------------------------------
My Stock
SCAP                          -7% 

Sawad                        +10%

-------------------------------------------------------


Friday, March 8, 2024

MTC as of Mar 2024

 MTC as of Mar 2024

- เป้า port โต 20% 

- Cost of Fund ทรงตัว

- Credit Cost from 3.6% to ไม่เกิน 3.5%


Fact:

- งบ Q3 '23 ออก --> NPL ลดลง แต่ขาดทุนรถยึด peak นะ --> หุ้น break sideway ได้

- งบ Q4 '23 ออก --> NPL ทรงตัว แต่กำไรดีขึ้นจาก ขาดทุนรถยึดน้อยลง


Forecast

- กำไร 2024 โต 10-12%

- EPS 2.7 --> PE20  upside 20% from 45 baht







Friday, March 1, 2024

Set status as of Mar 01, 2024

 Set status as of Mar 01, 2024

SET Index = 1367  PE = 17.86  (Thai Government 10 year Bond = 2.73% as per   Jan  2024)
Yield Gap =   2.87%

 Billy B. =  BEAR



SET  1367   -->  1367  (0%)  


------------------------------------------------------
My Stock
SCAP                          -8% 

Sawad                        -4%

-------------------------------------------------------

Sunday, February 25, 2024

SAWAD and SCAP company visit (as of Feb 2024)

 SAWAD and SCAP company visit (as of Feb 2024)

FB : https://www.facebook.com/boonchu.juramongkol


CV Sawad 23-2-24 ช่วง Q&A
ขอขอบคุณ THAIVI ครับ

Q SCAP ปล่อยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ EV มั้ย
A เรามองว่า มอเตอร์ไซค์ EV ยังไม่ satble ราคาลงหนักมาก พอระแบตเสื่อมเค้าก็ทิ้งรถเลย ยึดเอามาก็ไม่มีประโยชน์ -> เราไม่ได้ปล่อยส่วนนี้ / แต่จะมีค่ายเหลืองที่ปล่อยแต่ก็ไม่ค่อยดี / จริงๆถ้านิ่งและดีกว่านี้ใครๆก็อยากปล่อยเพราะได้เรื่อง ESG ด้วย

Q ตอนนี้ SCAP กินตลาดที่กี่ %
A เรากับค่ายเหลือง พอๆ กัน ส่วนเจ้าที่ 3 หลังๆอยู่ๆเหมือนเค้าก็หยุดปล่อยไป ตอนนี้ 1+2 รวมกัน share ประมาณ 70%
- โดย ticket size ค่ายเหลืองสูงกว่า ( เค้าชอบปล่อยพวก Big Bike ) ส่วนของเราเน้นรถบ้านๆ ( จำนวนลูกค้าเราเลยเยอะกว่า )
แต่ขอบอกก่อนว่า SCAP ตอนนี้เองมี Lost on Sales ระดับนึงที่เราต้องเก็บกวาดอยู่ -> อาจจะเพราะช่วงที่แล้วเร่งปล่อยมากเกินไป
- ภาพตอนนี้ การแข่งขันลดลงเยอะ เราเองก็ไม่คิดว่ารายที่ 3 จะถอยเร็วขนาดนี้
- ตลาดตอนนี้ Reject Rate สูง 50-60% เป็นเพราะเรียกดาว์นเยอะ -> สภาวะเศรษฐกิจด้วย

Q ขั้นตอนการเตือน ยึด เป็นยังไง
A สมมติมอเตอร์ไซค์ 50,000 ถ้าเริ่มค้างเดือนที่ 2 เราจะส่งคนไปหาทรัพย์แล้ว ไม่รอให้ถึง 3 เดือน / เรายึดก่อนเดือนที่ 3 หรือต้องตามตัวลูกค้าให้เจอ / เพราะมอเตอร์ไซค์ถอดง่าย เคลื่อนที่ง่าย ต้องระวังมาก
- อย่างช่วงโควิด พนักงานเราออกไปยึด ไปหาลูกค้าไม่ได้ ภาพเลยค่อนข้างบิดเบือนไป
- วิธีการจ่ายคือจะมี QR code ให้ไป scan จ่าย หรือสามารถจ่ายผ่าน App ได้
- ภาพตอนนี้คือเราปล่อยสินเชื่อโดยให้วางดาว์นมากขึ้น
- แต่ถ้าลูกค้าผ่อนรถหมด แล้วอยากใด้เงินเพิ่ม ก็สามารถเอารถค้ำเอาเงินออกไปได้เลย ได้ LTV ที่สูงขึ้นด้วย
- เมื่อก่อนเราปล่อยที่ 6-7หมื่น ตอนนี้ capไว้แค่ 4-5หมื่น

Q LTV ที่คุมจะบริหารยังไง
A มี 2 กรณี คือสินเชื่อที่ปล่อยใหม่จะปรับ LTV ลง เช่นจากเดิม LTV50% -> 40% / ลูกค้าที่เราปล่อยสินเชื่อไปแล้วก็จะพยายามบริหารจัดการให้ลูกค้าชำระให้อยู่ในนโยบาย โดยปกติทุกครั้งที่ชำระ LTV ก็จะลดลงอยู่แล้ว
- อย่าง SCAP เองก็ต้องมีดาว์น เช่น 10,000 LTV70%

Q Hire Purchase Criteria ในการให้สินเชื่อคืออะไร
A มีหลายปัจจัยเช่นถ้าเป็นรถ Honda เป็นรถตลาด ก็จะดาว์นไม่ต้องสูง ( Mfg มี subsidize ให้บางส่วน ) ถ้า Yamaha Suzuki ก็ดาว์นเยอะหน่อย / ต้องมีการเช็ค NCB ทุกเคส
- สมมติถ้าดาว์น 40% + ผ่อนไปแล้ว 6 เดือน = เกือบจะ risk free แล้ว
- ตอนนี้ทุกเจ้าก็ทำเหมือนกัน
- เรามีการให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อเอาเงินมาดาว์นมั้ย -> ไม่มี

Q เคยได้ยินเรื่องร้านมอเตอร์ไซค์ เก็บลูกค้า Cream ไว้ปล่อยเอง แล้วเอา Tier 2 3 มาให้เรา
A เมื่อก่อนเป็นแบบนั้นจริง แต่ร้านมอเตอร์ไซค์เองก็มีเงินที่จำกัด ถ้าเค้าปล่อยไปเยอะ ก็จะไม่มีเงินไปซื้อรถใหม่เข้ามา ( ซื้อรถต้องจ่ายเงินก่อน ) สุดท้ายเค้าจะเลือกเอาเงินไปซื้อรถ ซึ่งเป็น core business ของเค้า

Q ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นมีแผนอย่างไร
A ออกหุ้นกู้ / กู้จากสถาบันการเงิน
- สถานการณ์หุ้นกู้ก็ขายได้เรื่อยๆ
- คิดว่า Cost of Fund ตอนนี้น่าจะ Peak แล้ว
- SCAP เพิ่งออก bond ไปขายได้ตามคาด

Q เราจะออกหุ้นกู้ตามรายละเอียด สมมติขายได้ 90-95% จะมีแผนยังไง
1. อายุ 1 ปี 10 เดือน 29 วัน ไถ่ถอน 2568 ดอกเบี้ย 4.40% ต่อปี
2. อายุ 2 ปี 10 เดือน ไถ่ถอน 2569 ดอกเบี้ย 4.75% ต่อปี
3. อายุ 3 ปี 3 เดือน 17 วัน ไถ่ถอน 2570 ดอกเบี้ย 4.90% ต่อปี
4. อายุ 4 ปี 10 เดือน ไถ่ถอน 2571 ดอกเบี้ย 5.20% ต่อปี
A ปกติเราจะออกเผื่อไว้แล้ว / cash flow เราค่อนข้างดี เพราะความ diversify / ไม่ต้องห่วงเรื่อง Debt

Q เพื่อ Maintain margin ในปีนี้ พอ cost of fund เพิ่ม ในผั่งของ Loan Yield เราปรับเพิ่มมั้ย
A ก็ต้องปรับเพิ่มบาง product / ดูความเหมาะสม
- ส่วนของเงินสดทันใจ จะช่วยเพิ่ม Margin ด้วย

Q มีนโยบายปันผลมั้ย
A เราเก็บเงินไว้ปล่อยสินเชื่อมากกว่า

Q รัฐบาลออกกฏหมาย Policy Risk เราเห็นยังไง
A เห็นด้วยที่รัฐพยายามแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ -> เป็น + กับเรา

Q มาตราการรัฐเรื่องปล่อยสินเชื่ออย่างเป็นธรรม
A มีกฏอะไรเราก็ทำตามอยู่ตลอดเวลา เราทำมา 1-2 ปีแล้ว ผลกระทบด้านตัวเลขไม่น่ามีแล้ว

Q เหมือน 2567 Bank จะไม่ focus Loan Growth / Nonbank คิดยังไง
A Port จะโตแน่นอนแต่ต้องดูเรื่อง LTV -> ทุกคน concern เรื่องคุณภาพสินทรัพย์ / เทียบตอนนี้กับโควิด ดีขึ้นมาก แต่ยังไม่เท่าก่อนโควิด

Q NPL ปีนี้ / สำรอง
A Level ปกติเราคือ 3-4% มานานแล้ว เราไม่เคยมีที่ 2% -> สิ่งที่จะทำในปีนี้ จะพยายามกลับไปที่ช่วงก่อนโควิดคือ 3-4% ไม่ต้องกังวลเป็น rate ปกติของเรา
- การตั้งสำรอง เป็นที่ 150-180 bps / ฝั่งจำนำทะเบียน = 100 bps / เช่าซื้อจะสูงกว่านิดหน่อย / ของเราส่วนใหญ่คือ Secure

Q สัดส่วน Port เรา
A Port เราค่อนข้าง diversify : จำนำทะเบียนมอเตอร์ไซค์ 17-18% / Unsecure ต่ำว่า 5% / Land 23% / Car 25% / เช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ 30%
ปีนี้เราจะเน้นจำนำทะเบียน

Q แผนเรื่องประกัน มีเป้ายังไง
A แผนปีนี้คือการเพิ่ม Non Interest Income / อย่างช่วงโควิด รายได้ส่วนนี้ก็เติบโตดี
- บริษัทลูกกำลังกำหนดเป้าหมาย เพิ่ม Insurer เพิ่ม / ทำระบบหลังบ้านให้เอื้อ / ให้พนักงานไปสอบ License ประกันรอไว้
- ผ่อนเบี้ยประกันได้ 12 เดือน เพื่อเป็นทางเลือก ( เจ้าตลาดให้ 10 เดือน )
- มีการพัฒนา App ทั้งฝั่งพนักงานและลูกค้าเพื่อความสะดวกในการซื้อ/จ่ายเบี้ยประกัน
- กำลังพยายาม Rampup Port ส่วนนี้อยู่

Q ราคาประกันตั้งยังไง
A ปกติจะกำหนดโดย Insurer ลูกค้าจะเลือกว่าซ่อมอู่/ห้าง เอาทุนประกันเท่าไหร่ -> ออกมาเป็นราคาประกัน
- แต่เรามีการคุยกับ Insurer ให้ทำ package พิเศษเพื่อลูกค้าเรา ที่ Budget ลงมา / มี Feature ที่เหมาะสม
- กลุ่มลูกค้าเราจะมีรายได้น้อยกว่า จึงเนนเยี้ยประกันที่ถูกลง
- อย่างค่ายเหลืองเค้าเน้นเปิดใน BiGC / Lotus ซึ่งเป็นคนละกลุ่มลูกค้ากับเราที่ตั้งสาขาในตลาด -> แต่จริงๆลูกค้าเราอาจจะมีรายได้มากกว่า
- เหตุที่อยากให้ประกันเพื่อคุมคุณภาพสินเชื่อเราด้วย เช่น ลูกค้าล้มแขนหัก -> ประกันจ่ายค่ารักษา -> ลูกค้าก็ยังมีเงินจ่ายค่างวด
- ลูกค้าเลือกได้เองว่าจะซื้อมั้ย ซื้อกับใคร เราไม่ได้บังคับ
- ลักษณะเหมือน Bank ที่ปล่อยกู้แล้วเสนอให้ทำประกันด้วย

Q SCAP มีไปกัมพูชาด้วย เป็นยังไงบ้าง
A SCAP มีไปศึกษาตลาดกัมพูชา ไปดูลู่ทางอยู่ ที่นู่นเจ้าที่ยังไม่เยอะ ยังไม่มี Cap กฏเกณท์มาก
- ส่วนของแม่ที่ไปเวียดนามก็อยู่ระหว่างศึกษา / การเข้าใจพฤติกรรมคนท้องถินต้องใช้เวลา

Q มีระบบการตรวจสอบพนักงานยังไง
A มีโปรแกรม หรือขั้นตอนที่คอยตรวจสอบ มีเจ้าหน้าที่ส่วนกลางไป Cross Check / มีการจัด Rank Top 100 ทั้งที่ดีและแย่ แล้วคอย Monitor

Q เงินสดทันใจ (FM) เป็นยังไงบ้าง
A ตอนที่ไปร่วมกับออมสินพอร์ตก็โตเรื่อยๆอยู่แล้ว - > พอตอนนี้ขายกลับมาให้เราจะปรับดอกขึ้นจาก 15->18% (EIR เพิ่ม ) ส่วนนี้อยู่ระหว่างทยอยปรับสัญญาใหม่ กำไรจะลง bottom Line เลย

Q FM สาขาที่อยู่ในออมสินได้ทำต่อมั้ย
A ทำต่อ แต่จิรงๆ 95% ของสินเชื่อมาจากสาขาของเราเองอยู่แล้ว

Q จำนำทะเบียนจะเพิ่ม Loan Yield ได้มั้ย
A คิดว่ายาก เพราะทุกเจ้าก็แข่งขันกัน
- อย่าง FM Port 80,000M (10% of Total) ที่ปรับดอกขึ้น ก็จะให้ Loanyield ดีขึ้นแต่ไม่มาก
- EIR ของ Hp ลดลงจากเดิม 30->สคบ Cap ที่ 23 ของเราที่ 22%

Q มีเรื่องของสภาคุ้มครองผู้บริโภค
A มีการโดนร้องเรียน แต่ในความเป็นจริงเรามีหลักฐานหักล้างได้ เช่นกรณีร้องว่าเราบังคับทำประกันโดยที่ลูกค้าไม่รู้ -> เรามีหลักฐานการเซนต์และเค้ารู้ว่าทำเพราะมีการไปเคลมประกัน -> แต่พอคดีจบเราชนะก็ไม่สามารถไปชี้แจงให้คนทั่วไปทราบได้ (น่าจะผิด PDPA)
- ไม่คิดจะฟ้องกลับลูกค้าหรือสภา เพราะ ไม่อยากหาความ และดูภาพลักษณ์ไม่ดี

Q ปัญหาเรื่องราคารถมือ2 ตก
A คาดว่าจะจบแล้ว
- ปัญหาเริ่มจากช่วงโควิดที่เข้าไปยึดรถไม่ได้ พอจบโควิดจึงยึดรถมาก ทำให้รถไหลเข้ามามากผิดปกติ / มองว่ากำลังจะกลับสู้ภาวะปกติ + เศรษฐกิจที่ไม่ดีด้วย

Q เราจัดประมูลรถเองมั้ย
A มีเองภายใน แต่ไม่มีความคิดไปทำธุรกิจประมูลรถ / ตอนนี้หลักเราก็ส่งรถออกไปประมูลด้วย ผ่าน AUCT + 4 -5 เจ้า

Q เมื่อก่อนมี AMC ด้วยหลังๆเห็นเงียบไป
A ช่วงเราเข้าตลาดใหม่ๆ เราคิดทำ AMC เพราะตอนนั้นหนี้ Secure ราคาไม่แพง เช่น 30% ต่อมาอุตสาหกรรมแข่งขึ้นรุนแรงขึ้น ต้นทุนขึ้นไปถึง 50% เราเลยหยุดไป / แต่ตอนนี้ราคากลับมาเริ่มรน่าสนใจแล้ว เรากำลังมีแผนกลับมาทำใหม่

Q ทำไมเราถึงตั้งสำรองไม่สูงเหมือนเจ้าอื่นๆ
A เราใช้วิธี write off เลย ไม่ดองเอาไว้ / จะเห็นว่าเรามี ECL ต่ำกว่าคู่แข่ง
- อย่าง SCAP เองจึงมี 1 time เกิดขึ้นมา 3 Q แล้ว -> ทำให้คุณภาพกำไรเหวี่ยง

Q เป้าหมายทางการเงิน 2024
A Bank เข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ความต้องการสินเชื่อ Shift มาที่ Nonbank / เราก็เห็นภาพเดียวกันว่า demand มีมามาก
- แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ -> เป้าหมาย Port Growth 20% ( งบรวม )
- เป้าหมายรายได้ +20% ( คิดรวม LTV ที่ลด + การเพิ่มดาว์นแล้ว ) + จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น
- สิ่งที่จะต้องคุมคือ Loan To Value (LTV) เพื่อลดความเสี่ยง
- เป้าหมาย SCAP โต 30%
- มองภาพ 3 ปี +15% CAGR
- DE รวมเราตอนนี้ 2.7 สามารถไปได้ถึง 4.5
- NPL 3-4% ไม่เกิน (ถ้าเกินก็ Write off ออก )
- กระแสเงินสดเน้นการชำระคืนหุ้นกู้ก่อน ที่เหลือจึงเอาไปปล่อยสินเชื่อเพื่อโต
- ส่วนของ SCAP บริษัทแม่เตรียมเงินไว้ให้อยู่แล้ว


Q เกี่ยวกับ สาขา
- เป้าเปิดสาขา วันละ 1 สาขา ( ปีละ300+) พอสาขาเริ่มตันๆก็ต้องไปเน้นที่ KPI อื่นๆ เช่น average sales /Branches ตอนนี้อยู่ที่ 10-14 ล้าน สูงสุด 60-100ล้าน ที่สาขาพัทยา ที่ดีๆจะเป็รภาคใต้ อีสาน / ส่วนกทม นี่น้อยสุด
- หรืออาจจะไปดูที่ average sales /Staff
- ถ้าสาขาไหนยอดดีๆ เราก็จะพิจารณาเปิดเพิ่มใกล้ๆ / หรือเห็นคู่แข่งลูกค้าเยอะๆ เราก็ไปเปิดใกล้ๆ